*สภาผู้ส่งออกประเมินส่งออกปี2559 ปีแห่งความท้าทายเร่งรัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติ*

05 มกราคม 2559, 15:03น.


สถานการณ์การส่งออกและความท้าทายในปี 2559 นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) แถลงข่าวร่วมกับนายไพบูลย์ พลสุวรรณา ที่ปรึกษาสภาผู้ส่งออก และนายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหารสภาผู้ส่งออก  โดยระบุว่า การส่งออกในปี 2558 ปิดฉากด้วยตัวเลขติดลบไม่น้อยกว่าร้อยละ 5.5 แม้ว่าจะดีกว่าอีกหลายประเทศทั่วโลก แต่ก็ส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศหดตัวตาม ผู้ประกอบการรายย่อยที่เกี่ยวเนื่องอยู่ในห่วงโซ่คุณค่าของการส่งออกสินค้าและบริการหลายรายการ ตั้งแต่ปลายน้ำไปถึงต้นน้ำ รวมทั้งเกษตรกร ต้องประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจและลุกลามไปถึงปัญหาสังคม ทำให้รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาระยะสั้นและพัฒนาการค้าระหว่างประเทศในระยะยาวควบคู่กันไปกับการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศ



สำหรับใน ปี 2559 สภาผู้ส่งออกคาดการณ์ว่า จะส่งออกได้ไม่เกิน 219,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉลี่ยเดือนละ 18,275 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตร้อยละ 2 ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศว่า จะส่งออกได้เท่าเดิมไม่เกิน 215,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉลี่ยเดือนละ 17,920 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะไม่มั่นใจในเศรษฐกิจโลก เช่นเดียวกับที่สภาผู้ส่งออกมองว่า มีปัจจัยเสี่ยงที่ปรากฏเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ คือ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัวอย่างที่ไอเอ็มเอฟ (IMF) คาดการณ์ไว้ว่าจะโตร้อยละ 3.6 และการเงินโลกผันผวน ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศขยายวงเพิ่มขึ้น และภัยธรรมชาติที่เกิดถี่ขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้น แต่ก็ยังเชื่อว่า การส่งออกในปีนี้น่าจะทำได้ดีกว่าปีก่อนอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงแรกของการปฏิรูปประเทศ



สภาผู้ส่งออกขอสนับสนุนรัฐบาลให้เดินหน้าผลักดันการส่งออกให้เติบโตร้อยละ 5 ประมาณ 225,750 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ เฉลี่ยเดือนละ 18,812.5 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าที่สภาผู้ส่งออกคาดการณ์ไว้ เพราะเป็นเป้าหมายและข้อผูกพันร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และ ประชาสังคม หรือที่เรียกว่า ประชารัฐ ตามที่กำหนดในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ เมื่อเดือนธันวาคม 2558 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน  ซึ่งจะช่วยผลักดัน การส่งออกของประเทศให้หลุดจากภาวะบรรทัดฐานใหม่ (New Normal) กลับมาเติบโตเท่ากับหรือมากกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของการส่งออกของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เป็นตัวเลขที่ภาคเอกชนอยากเห็น แต่เกือบจะหมดความหวังไปแล้วกับการบริหารงานของรัฐบาลชุดที่ผ่านๆ มา





สภาผู้ส่งออก ยอมรับว่า เป้าหมายการส่งออกเติบโต ร้อยละ 5 ถือว่า มีความท้าทายอย่างมาก ภายใต้ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในอนาคต กอปรกับขีดความสามารถในการแข่งขันที่จำกัดและยังต้องพัฒนาอีกมากของภาครัฐและภาคเอกชนในปัจจุบัน แต่สภาผู้ส่งออกก็เห็นว่า มีความเป็นไปได้ หากมีปัจจัยสนับสนุน คือ รัฐบาลประกาศให้ การค้าระหว่างประเทศเป็นวาระแห่งชาติ ยุทธศาสตร์การพัฒนาการค้าระหว่างประเทศและเป้าหมายที่กำหนดอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลทั้งคณะที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ ไม่ใช่เป็นเพียงแผนงานและเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ อย่างที่ผ่านมา จึงถือว่า ปี 2559 เป็นปีแห่งความท้าทายที่ทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องผนึกกำลังกันขับเคลื่อนประเทศ และรับมือกับความท้าทายอีกหลายประการที่เป็นทั้งความหวังและโอกาส หรืออาจเปลี่ยนเป็นปัญหาและภัยคุกคามได้เสมอ

ข่าวทั้งหมด

X