จับตาตลาดหุ้นวันนี้ ว่าจะไหลลงแรงต่อเนื่องอีกหรือไม่ จากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจจีน รวมทั้งแรงขายในหุ้นกลุ่มสื่อสารของไทยที่ยังกดดันตลาดหุ้นไทยอยู่
คณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) จัดประชุมนัดแรกของปี 2559 โดยจะเชิญอธิบดีกรมสรรพากรมาให้ข้อมูลผู้ประกอบการเกี่ยวกับมาตรการด้านภาษี โดยเฉพาะกับเอสเอ็มอี
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. แถลงเรื่องการคืนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางกว่า 800 คัน ที่ตำรวจยึดไว้
ส่วนนโยบายในการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นโยบายนี้มีเป้าหมายสำคัญ คือ ช่วยขจัดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ทำให้ธุรกิจเล็กๆ ยืนอยู่ได้ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และให้มีความเข้มแข็งทางการคลัง หรือทำให้มีงบสมดุลภายใน 7 ปี
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เตรียมเสนอโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยคาดว่าจะสามารถเสนอนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ และจะมีผลในปีบัญชี 2560 ที่จะยื่นภาษีในปี 2561 โดยฐานรายได้ของผู้ที่ได้รับยกเว้นภาษีจะมากขึ้น จากเดิมอยู่ที่เดือนละ 2 หมื่นบาท แต่คงไม่เกิน 3 หมื่นบาท
เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2559 มีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการลดอัตราภาษีและยกเว้นภาษี ด้วยการกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในรอบบัญชีก่อนสิ้นปี 2558 มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท จะได้รับยกเว้นการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง โดยจะเปิดให้จดแจ้งกับกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม-15 มีนาคม 2559 เพื่อรับสิทธิ์ สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท ในรอบบัญชีปี 2558 หากมาจดแจ้งกับกรมสรรพากรจะได้รับการยกเว้นภาษีในปี 2559 จากนั้นในปี 2560 หากจัดทำบัญชีเล่มเดียว จัดเก็บภาษีเพียงร้อยละ 10 คาดว่าจะมีเอสเอ็มอีจดแจ้งเข้าในระบบกว่าแสนราย จากปัจจุบันมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีประมาณ 3.4 แสนราย และผู้ประกอบการรายได้มากกว่า 30-500 ล้านบาท ประมาณ 8 หมื่นราย มีสัดส่วนร้อยละ 98 ของผู้ประกอบการทั้งระบบ ซึ่งอธิบดีกรมสรรพากรยอมรับว่า จะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ไปนับหมื่นล้านบาทในช่วงแรก จากนั้นจะมีภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อมกลับเข้ามา แต่มาตรการบัญชีเล่มเดียวจะทำให้เกิดการทำบัญชีและงบการเงินสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ
เรือด่วนเจ้าพระยายอมลดค่าโดยสารระยะทางละ 1 บาท มีผลวันที่ 6 มกราคมนี้ ซึ่งนางจิราภรณ์ จันทรศิริ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่าเป็นไปตามเงื่อนไขโครงสร้างต้นทุนค่าโดยสารที่กำหนดไว้ หากน้ำมันดีเซลปรับลดต่ำกว่าลิตรละ 21 บาทเป็นเวลา 7 วัน จะต้องลดค่าโดยสารลง 1 บาท
สำหรับอัตราค่าโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาและเรือข้ามฟากในปัจจุบัน แบ่งเป็น เรือด่วนธงส้มค่าโดยสาร 14 บาทต่อคนต่อเที่ยว เรือธงเหลืองค่าโดยสาร 19 บาทต่อคนต่อเที่ยว เรือธงธรรมดาค่าโดยสาร 8-10 บาท คิดตามระยะทาง และเรือธงเขียวค่าโดยสาร 12-31 บาท คิดตาม ระยะทาง ส่วนอัตราค่าโดยสารเรือข้ามฟาก อยู่ที่ 3 บาทต่อคนต่อเที่ยว แต่บางท่าเรือลดค่าโดยสาร ลงมา 50 สตางค์ ตามมติคณะกรรมการเหลือ 2.50 บาทแล้ว
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) ปี 2558 เมื่อเทียบกับปี 2557 ลดลงร้อยละ 0.90 ซึ่งเป็นการติดลบสูงสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งเงินเฟ้อลดลงราวร้อยละ 0.90 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบขายปลีกในประเทศลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องจากสิ้นปี 2557 ราคาน้ำมันดิบในตลาดดูไบอยู่ที่ 61.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ในเดือนธันวาคม 2558 ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 34.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน บอกว่า 7 วันอันตราย ช่วงเทศกาลปีใหม่ ตัวเลขความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเยาวชนไม่ต่างจากปีที่ผ่านมาเท่าใดนัก โดย 1 ใน 4 ของผู้ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตยังเป็นเยาวชนที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี โดยมีเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี อยู่ถึงร้อยละ 12-13 ของยอดอุบัติเหตุทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่นั้นเกิดจากรถจักรยานยนต์ ทั้งการขับขี่ และการซ้อนท้ายเพื่อนหรือผู้ปกครอง นพ.ธนะพงศ์ บอกว่าเป็นเพราะประเทศไทยให้ความสำคัญในเรื่องการเรียนรู้ การเตรียมความพร้อมให้แก่เด็กในเรื่องใช้รถใช้ถนนในระดับที่ต่ำมาก ปล่อยให้เด็กคุ้นชินกับความเสี่ยง เด็กที่อายุยังน้อย ที่เมื่อซ้อนรถจักรยานยนต์ขาจะไม่ถึงพื้น ทำให้ประคองตัวบนรถจักรยานยนต์ไม่ได้ ความปลอดภัยเดียวที่มีคือเกาะเอวผู้ปกครอง หรือผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไว้ให้แน่น กับมีเป้ มีกระเป๋าหนัก บางรายไม่สวมหมวกกันน็อก เมื่อโตขึ้นมาก็ไม่ได้รู้สึกถึงอันตราย นพ.ธนะพงศ์ จึงเสนอให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในการทดลอง หรือเข้าร่วมในการรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุ
*-*