เมืองไทยฯ(1):ครม.พิจารณาเรือนจำโครงสร้างพิเศษ/ผบ.ตร.ค้านแยกงานสอบสวน*

การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ติดตามข้อเสนอของกระทรวงยุติธรรมที่จะใช้งบประมาณ 1,400 ล้านบาท สร้างเรือนจำโครงสร้างเบาที่ทำจากตู้คอนเทนเนอร์ 17 แห่งทั่วประเทศ และแผนการจัดงานวันเด็ก

ส่วนความคืบหน้าของการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคณะอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติ เสนอวิธีการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แบบเลือกข้ามกลุ่ม จำนวน 20 กลุ่มอาชีพออกมา นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงว่า ยังมีการท้วงติงว่าอาจทำให้เกิดการออกเสียงแบบช่วยเหลือกัน ซึ่งก็ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้จริง แต่ยังยืนในหลักการเดิม คือการเลือกข้ามกลุ่มกันต่อไป โดยเฉพาะในระดับการเลือกรอบที่ 2 จากระดับอำเภอไปสู่จังหวัด ก่อนที่จะเข้ามาส่วนกลาง ส่วนการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดทำเอกสารเปิดเผยประวัติของผู้สมัครแต่ละคนนั้น ยังมีปัญหาเรื่องการขอประวัติในส่วนของคดีความจึงเป็นจุดอ่อนมาก ทาง กกต.จึงจะนำเรื่องการเลือกตั้ง ส.ว.ข้ามกลุ่ม หรือการเปิดประวัติอาชญากรรมกลับไปพิจารณาถึงความเป็นไปได้  จากนั้นจะนำกลับมาหารือกับ กรธ.อีกครั้งหนึ่ง

ส่วนแนวคิดในการแยกพนักงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวไม่เห็นด้วย เพราะงานสอบสวนและงานสืบสวนไม่ควรแยกออกจากกัน เพราะจะทำให้เกิดปัญหาในการทำงาน รวมทั้งการทำสำนวนการสอบสวน  เพราะพนักงานสอบสวนจะไม่กล้ารับพยานหลักฐานจากฝ่ายสืบสวนที่อยู่คนละหน่วย ขณะเดียวกันการนำพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนไม่ใช่เรื่องง่าย ขนาดตำรวจด้วยกันเองบางครั้งยังต้องพูดคุยกันนาน

ในการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งพบว่า มีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องส่วนหนึ่งไม่ให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการสอบสวนนั้น พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ต้องให้เป็นหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้ามาดำเนินการตรวจสอบต่อ ซึ่งกระทรวงกลาโหมพร้อมให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กระทรวงกลาโหมมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบ แต่ไม่มีอำนาจในการชี้ผิดหรือถูกได้

นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 126 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ออกประกาศเรื่องจดทะเบียนข้อบังคับมูลนิธิราชภักดิ์ว่า มูลนิธินี้ชื่อว่า “มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” ย่อว่า “ร.ภ.” เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Rajabhakti Pak Foundation Under the Royal Patronage of His Royal Highness Crown Prince Maha Vajiralongkorn และให้เปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิฯ โดยให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ยังคงเป็นประธานคณะกรรมการมูลนิธิฯ เช่นเดิม ส่วนกรรมการฯ ประกอบไปด้วย พล.อ.ศุภวุฒิ อุตมะ, พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร, พล.ท.สุทัศน์ จารุมณี, นายไพศาล พืชมงคล, น.ส.มรกต ณ เชียงใหม่ น.ส.ณสรัญ มหิทธชาติกุล, นายชยุต ภวภานันท์กุล, กรรมการและเหรัญญิก พล.อ.ประสูตร รัศมีแพทย์, กรรมการและเลขานุการ พล.อ.พอพล มณีรินทร์, กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ พ.อ.สมชาย กุลภควา

ส่วนกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายจิรชัย มูลทองโร่ยประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กระทรวงการคลัง เพื่อขอเพิ่มพยานเข้าให้ถ้อยคำคดีจำนำข้าวจำนวน 18 ปาก หลังครบกำหนดขยายเวลาสอบสวนไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2558 ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ไม่ขยายเวลาสืบพยานเพิ่ม เพราะต้องใช้เวลาในการปิดสำนวน โดยจะมีการประชุมอีก 4 ครั้ง แต่ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์มีข้อมูลเพิ่มเติม ขอให้ส่งถ้อยคำชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษรได้จนถึงสิ้นเดือนมกราคม

ผลสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิด กระทรวงพาณิชย์ ที่ส่งให้คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธานพิจารณายังไม่คืบหน้า  ส่วนการพิจารณาบัญชีข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตชุดที่ 3 คาดว่าจะมีความคืบหน้าภายใน 2-3 วัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และมีบางคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนที่ลาออก ก็ให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ตรวจสอบต่อ ถ้าส่งให้นายกฯ ก็จะใช้หลักเกณฑ์เดิมในการจัดการคือ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557

..