*รองผู้ว่ากทม. ชี้แจงอดีตสส.ปชป.ยืนยันติดCCTVครบ4หมื่นตัว/ปปช.สอบต่อสัญญาณBTS

04 มกราคม 2559, 16:52น.


หลังนายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ได้จะไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อให้ตรวจสอบการทุจริต และการบริหารงานที่ส่อไม่โปร่งใส ในโครงการการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศว่า มีการติดตั้งจำนวน 47,000 กว่าตัว แต่มีการติดตั้งจริง 11,000 ตัว และการขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสออกไปอีก 30 ปี



นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยในเรื่องการจัดซื้อกล้อง CCTV ว่า คิดว่าเป็นความเข้าใจผิดของนายวิลาศ เพราะปัจจุบันนี้มีกล้องวงจรปิด ที่ใช้ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 47,719 ตัว สามารถใช้ได้จริง ภาพที่ถ่ายจากกล้องวงจรปิดจะส่งไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพ และสำนักงานเขต มีการเก็บภาพไว้ที่ตัวกล้องประมาณ 30 วัน ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องกล้องเสียนั้นเป็นเรื่องปกติของเครื่องมือ ที่จะต้องมีการแก้ไขและดูแลรักษาตลอดเวลา หากมีการพบว่าชำรุด กรุงเทพมหานครจะเร่งดำเนินการทันที ส่วนประเด็นที่ระบุว่ามีการติดกล้องถึง 60,000 ตัว เนื่องจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ขอให้มีการติดตั้งเพิ่มเติมในเขตที่ ล่อเเหลม เพื่อป้องกันเหตุการณ์อันตราย คาดว่าจะติดตั้งเสร็จเรียบร้อยในปี 2559



ส่วนประเด็นการขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสออกไปอีก 30 ปี โดยสัญญาเดิมหมดอายุในเดือน ธ.ค. 2572 ซึ่งเป็นการต่อสัญญาที่ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.ร่วมทุน) นายอมร ระบุว่า แรกเริ่มประเด็นนี้เป็นประเด็นทางการเมือง ที่กรุงเทพมหานครถูกตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แต่ว่าอัยการได้พิจารณาแล้วว่าดีเอสไอไม่สามารถตรวจสอบคดีนี้ได้ จึงส่งเรื่องนี้ให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเรื่องนี้อยู่ระหว่างการทำงานของป.ป.ช. นายวิลาส ไม่ควรนำเรื่องดังกล่าวมาพูด โดยไม่รู้จริง เพราะโครงการนี้เป็นโครงการที่ประชาชนได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง แบะไม่ได้ดำเนินการโดยบริษัทเอกชน แต่ดำเนินการโดยบริษัทกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นการบริษัทของกรุงเทพมหานคร การคำนวณ ค่าโดยสารจะ คำนวณ จากรายได้ของประชาชนเป็นหลัก เพื่อไม่ให้กระทบรายได้ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร



ส่วนตัวแล้วคิดว่านายวิลาศอาจจะเข้าใจการทำงานของกรุงเทพมหานครผิด และรู้สึกเสียใจที่นำเรื่องดังกล่าวมาโจมตี นอกจากนี้นายอมรยังได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้นายวิลาศเป็นสามัญชน ไม่ควรนำสถานที่พรรคประชาธิปัตย์มาแถลงข่าว เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเกิดความเสียหาย และคิดว่าผู้บริหารของพรรคควรจะพิจารณาการทำงานของนายวิลาศด้วย 

ข่าวทั้งหมด

X