เมืองไทยฯ(2):คาดเงินเฟ้อ58หลุดกรอบ/ท้ายปีเงินทุนไหลออกกว่า3พันล้านเหรียญ*

วันนี้ กรมเจ้าท่าจะหารือกับผู้บริหารเรือด่วนเจ้าพระยา และเรือบริการขนส่ง เพื่อขอให้ปรับลดค่าโดยสารลง หลังจากน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมามาก

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าจะเปิดแถลงข่าว ดัชนีราคาผู้บริโภคของเดือนธันวาคม 2558 ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่เงินเฟ้อทั่วไปในปี 2558 อาจจะหลุดกรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 1-4

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายในเดือนพฤศจิกายน 2558 ว่า เงินทุนไหลออกสุทธิ 3,048 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1 แสน 1 หมื่นล้านบาท หากคิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2558 ที่ปิดตลาดที่ระดับ 36 บาท/เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 50.45 จะมีเงินทุนไหลออกสุทธิ 1,510 ล้านเหรียญหรัฐ หรือประมาณ 54,000 ล้านบาท ในรอบ 11 เดือนของปี 2558 มีเงินทุนไหลออกสุทธิ 15,572 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5 แสน 6 หมื่นล้านบาท โดยเงินไหลออกสุทธิในเดือนพฤศจิกายน 2558 เกิดจากการขายสุทธิในหลักทรัพย์ไทย ทั้งตราสารหนี้และตราสารทุนของนักลงทุนต่างชาติ สอดคล้องกับตลาดอื่นในภูมิภาคที่มีเงินไหลออกเช่นกัน เนื่องจากคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธันวาคม นอกจากนี้ยังมีการนำเงินออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ และฝากเงินในต่างประเทศของกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund หรือ FIF) รวมถึงเอกชนไทยก็มีการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานคณะกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) หารือกับผู้บริหารเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อเสนอแผนให้กระทรวงการคลังพิจารณาต้นปี 2559 โดยในเบื้องต้นจะเสนอขายหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ที่มีอยู่เกือบ 5 หมื่นล้านบาท หรือร้อยละ 50 ของสินเชื่อคงค้าง ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือเอเอ็มซี ที่กระทรวงการคลังจัดตั้งขึ้น และชำระเต็มตามมูลค่าสุทธิทางบัญชี เพื่อให้ธนาคารเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งหลังจากที่คลังรับโอนหนี้เอ็นพีแอลไปยังเอเอ็มซีแล้ว จะทำให้ไอแบงก์เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน โดยธนาคารจะออกเดินสายโรดโชว์เพื่อหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนจากตะวันออกกลางให้ความสนใจจำนวนมาก และเมื่อได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธบัตร จะทำให้คลังและธนาคารออมสินมีสัดส่วนหุ้นลดลงรวมกันเหลือร้อยละ 25.5 จากปัจจุบันคลังถืออยู่ร้อยละ  48.54 และออมสินร้อยละ 39.813

ส่วนการตรวจสอบการทำงานของกรุงเทพมหานคร นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. แถลงว่าในวันที่ 6 มกราคมนี้ จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส 3 เรื่อง ได้แก่ การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ที่ผู้ว่าฯกทม.ระบุว่ามีการติดตั้ง 47,000 กว่าตัว แต่ติดตั้งจริง 11,000 ตัว และเมื่อขอเอกสารสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง กทม.กลับส่งเอกสารที่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างมาให้ ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ทุจริต

การขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส ออกไปอีก 30 ปี จากที่สัญญาเดิมเหลืออีก 17 ปี โดยไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือพ.ร.บ.ร่วมทุน และถือว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเนื่องจากต้องได้รับความเห็นชอบจากรมว.มหาดไทย แต่ครั้งนี้ไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรมว.มหาดไทย รวมทั้งยังผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือพ.ร.บ.ฮั้ว เพราะไม่มีการเปิดซองประมูลราคา

โครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง 5 ล้านดวง ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2558-31 มกราคม 2559 มูลค่า 39 ล้าน 5 แสนบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยืนยันว่าโครงการตกแต่งไฟ มีความโปร่งใส การจัดซื้อเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายงบประมาณ ที่สามารถเบิกใช้ตามอำนาจบริหารของผู้ว่าฯ กทม.

ส่วนการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ในวันนี้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะทำหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เกี่ยวกับข้อสังเกตเพิ่มเติมจากการเข้ารับฟังการแถลงผลสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบต่อไป

นายบัณฑิต นิลเจียรสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอนนี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิต นำเข้าและจำหน่ายกระเป๋าเดินทาง กล่าวถึงภาพรวมตลาดกระเป๋าเดินทางในปี 2559 ว่ามีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องจากปี 2558 ในระดับร้อยละ 20 ซึ่งเป็นการเติบโตสอดคล้องกับธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) ที่ราคาตั๋วเครื่องบินไม่สูง และขยายเส้นทางบินใหม่ทุกปีทำให้คนไทยเดินทางเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดกระเป๋าเดินทางสามารถขยายฐานในตลาดระดับกลางได้มากขึ้น

และปิดท้ายที่รายงานที่มีสตรีคนหนึ่งกำลังช่วยชีวิตนายกุนเทอร์ เรตช์ อายุ 49 ปี ชาวเยอรมันที่นอนหมดสติอยู่ริมถนนสายสุราษฎร์ธานี-นาสาร ต.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี อย่างสุดความสามารถ ภายหลังทราบชื่อคือ นางศรีกัญญา เชื้อรบ อายุ 39 ปี เป็นพยาบาลวิชาชีพศัลยกรรมประสาทชาย โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี มาพบเหตุการณ์ขณะกำลังจะไปเที่ยววันหยุด ซึ่งเมื่อวานนี้ นายอวยชัย อินนาค รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปเยี่ยมอาการนายกุนเทอร์ ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีอาการเกี่ยวกับระบบหัวใจ ขณะนี้มีอาการดีขึ้นตามลำดับ ต้องพักรักษาตัวอีกประมาณ 3-4 วัน แพทย์จึงจะอนุญาตให้กลับได้ สำหรับนางศรีกัญญา พยาบาลที่เข้าให้การช่วยเหลือถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เป็นคนที่มีจิตวิญญาณด้านวิชาชีพเป็นอย่างมาก จึงขอชื่นชมและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

*-*