*ป.ป.ส.ระวังยาเสพติดช่วงปีใหม่/สธ. เตือนหลับใน10วินาทีเกิดอุบัติเหตุ/ทูตเมียนมาหารือสภาทนายความอุทธรณ์คดีเกาะเต่า*

+++มาตรการเฝ้าระวังยาเสพติดทะลักในช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งตามข้อมูลเทศกาลที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวันขบวนการค้ายาเสพติดมักขนย้ายยาเสพติดจากแหล่งผลิตเข้าสู่ชุมชน นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)กล่าวว่า ปีนี้มีศูนย์แม่โขงปลอดภัย ซึ่งเป็นการทำงานร่วมของกลุ่มประเทศในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ เพื่อเฝ้าระวังยาเสพติดตั้งแต่ต้นทางแหล่งผลิต จึงเน้นการหาข้อมูลการข่าวได้ว่ามีกลุ่มใดผลิตและเตรียมที่จะส่งยาเสพติดเข้าไทยและเข้าสกัดจับได้ตรงจุดเพราะช่วงเทศกาลการตั้งจุดตรวจสกัดมักมีปัญหาจราจรทำให้ประชาชนเดือดร้อนในการเดินทาง ป.ป.ส.มีข้อมูลประวัติและทะเบียนรถยนต์ของกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติดทำให้ล็อคเป้าหมายติดตามความเคลื่อนไหวได้และขอประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1386 เพื่อเข้าไปหาข่าวจับกุม 

+++เลขาธิการป.ป.ส. ฝากถึงประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือที่มีแหล่งผลิตยาเสพติดอย่ารับฝากสิ่งของจากใครเพราะหลายครั้งในการจับกุมพบว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมมียาเสพติดในครอบครองอ้างว่ารับฝากสิ่งของมา หากพบของที่ฝากมาเป็นยาเสพติดผู้รับฝากจะอ้างไม่ได้ ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษร้ายแรง

+++นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนว่าควรเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องจากความง่วงมีผลต่อการขับรถ การหลับใน คือ การหลับขณะที่ตายังเปิดอยู่แต่ไม่รับรู้ภาพเบื้องหน้า อาจเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 10 วินาที โดยผู้ขับขี่ไม่รู้สึกตัว และบังคับตัวเองไม่ได้ชั่วขณะ ถ้าวิ่งรถด้วยความเร็ว 90 กม. /ชั่วโมง รถจะวิ่งต่อไปอีก 100 เมตร โดยขาดการควบคุมรถจะชนรุนแรงเพราะคนขับรถไม่ได้หักหลบหรือเหยียบเบรกทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ทันที

+++กระทรวงสาธารณสุข เตือนว่า ควรหลักเลี่ยงการเดินทางขับรถช่วงกลางคืน  เผื่อเวลาเดินทางให้มากขึ้น จะได้ไม่ต้องรีบ หยุดพักระหว่างทางทุกๆ2ชั่วโมง ลดความเมื่อยล้าของร่างกายและต้องมีสมาธิในการขับขี่ หากไม่ไหวจริงๆ อย่าฝืนขับให้หาที่ปลอดภัยจอดรถนอนพัก 10-15 นาที

+++พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถิติการตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทในช่วยเทศกาลปีใหม่ ด้วยการดื่มแล้วขับขี่ ในระหว่างวันที่ 25-29 ธ.ค.2558  มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนของรถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 1,228 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถจักรยานยนต์ไว้ 213 คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 980 คน

+++สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 679 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 169 คน ยึดรถยนต์ 56 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 664 คน โดยมาตรการสร้างความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่คสช.และรัฐบาลดำเนินการดังกล่าว จะยังคงมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องตลอดเทศกาล จึงขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัยในการสัญจรของทุกคน

+++คดีเกาะเต่า นายอู วิน หม่อง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เข้าพบนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ เพื่อยืนยันขอให้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาให้กับชายชาวเมียนมาทั้ง 2 คน และมอบหมายให้สภาทนายความดูแลคดีนี้ และต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์

+++ขณะที่ สภาทนายความ อธิบายให้เห็นขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรมของไทยและแจ้งให้ทราบว่า ได้มอบหมายให้นายสุวิทย์ เชยอุบล อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ นายสุนทร พยัคฆ์ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย และ นายนคร ชมพูชาติ ทนายความ พร้อมทีมงาน เตรียมเอกสารข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เคยหยิบยกไว้ศาลชั้นต้นที่เป็นรายละเอียด และศาลมิได้นำมาพิจารณา หรือมีความเห็นแตกต่างกับสภาทนายความ เพื่อเตรียมนำไปยื่นอุทธรณ์ โดยก่อนหน้านี้ สภาทนายความ ได้จัดคณะทำงานเป็น 3 ทีม ทีมแรก คือทีมว่าคดี ทีม 2 คือ ทีมหาพยานหลักฐาน และทีม 3 เป็นทีมแสวงหาข้อเท็จจริงประกอบ ซึ่งทุกทีมจะมีการประชุมในวันที่ 11 ม.ค. นี้ เพื่อพิเคราะห์ข้อบกพร่อง นำข้อเท็จจริง ข้อแก้ไข เสนอศาลอุทธรณ์

+++สภาทนายความ ต้องเข้ามาช่วยเหลือในคดี เพื่อจะพิสูจน์ให้เกิดความเชื่อมั่นในสายตาของต่างประเทศว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยมีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่พึ่ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจติดต่อการค้าขาย และมีความสัมพันธ์ที่ดีกันต่อไป การยื่นอุทธรณ์อาจทำไม่ทันภายในกำหนด 30 วัน อาจจะต้องมีการขยายออกไปก็เป็นไปได้

+++คดีจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 1 ฉบับและส่งถึงนายอภิศักด์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายจิรชัย มูลทองโร่ย ประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด อีก 1 ฉบับเพื่อขอเพิ่มพยานเข้าให้ถ้อยคำในคดีโครงการรับจำนำ 18 ปาก เช่น นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุรชัย ศรีสารคาม อดีตปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายชัยโรจน์ มีแดง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุในระหว่างการแถลงผลการดำเนินงานรัฐบาล ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ว่า จะไม่ขยายเวลาในการขอเพิ่มพยานเข้าให้ถ้อยคำในคดีโครงการรับจำนำข้าวอีก หลังคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ได้ขยายเวลาให้การแสวงหาข้อเท็จจริงแล้ว 3 ครั้ง โดยจะสิ้นสุดในวันนี้

+++ที่ประชุมคณะกรรมการป้องปันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ไว้ชั่วคราว เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2558 จำนวน 40,954,720.58 บาท ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจพบว่า นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ หลานชายของ นางวรรษมล มีพฤติการณ์ถือครองทรัพย์สินแทนนายธาริต และนางวรรษมล ถือว่าเป็นพฤติการณ์โอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สิน คณะกรรมการป.ป.ช. จึงมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ถือครองทรัพย์สินแทนนายธาริต และ นางวรรษมล ดังกล่าว ได้แก่ เงินฝากและที่ดิน รวมมูลค่า 27,473,572.05 บาท บัญชีเงินฝากธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 643,572.05 บาท ที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 9 แปลง มูลค่ารวม 26,830,000 บาท เพื่อป้องกันมิให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหายจากการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินรายการอื่นๆ ของนายธาริต ที่อยู่ในชื่อของนายปิยฤกษ์

+++เรื่องเศรษฐกิจ นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีที่ให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการ ระหว่างวันที่ 25-31 ธันวาคม 2558 มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกิน 15,000 บาท เป็นปัจจัยบวกสำหรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทย ทำให้ผู้บริโภคบางส่วน ตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการเร็วขึ้น แต่ธปท.ยังประเมินตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้ เพราะยังมีเวลาจนถึงสิ้นปีในการจับจ่ายสินค้าและบริการ  ดังนั้น ธปท. ยังไม่ได้รวมมาตรการดังกล่าวในการประเมินจีดีพีปีนี้ ที่คาดว่าเติบโตร้อยละ 2.8 และ ปี 2559 ขยายตัวร้อยละ 3.5 ประกอบกับเดือนพฤศจิกายน มีปัจจัยเสริมชั่วคราวมาจากการเร่งซื้อรถยนต์ก่อนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตในปี 2559 ส่งผลให้การใช้จ่ายภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 3.7 มีทิศทางปรับดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4  หมวดรถยนต์ติดลบน้อยลงจากหดตัวร้อยละ 13 เหลือหดตัวเพียงร้อยละ 1 แต่คาดว่ายอดขายรถยนต์จะแผ่วลงบ้างในช่วงต้นปี 2559 หลังจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเริ่มบังคับใช้แล้ว

+++หุ้นไทย ปิดตลาดส่งท้ายปี เพิ่มขึ้น 4.24 จุด ที่ระดับ 1,288.02 จุด มูลค่าซื้อขาย 27,974.81ล้านบาท

+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญีปุ่น เพิ่มขึ้น 51.48 จุด ปิดที่ 19,033.71 จุด ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 117.47 จุด ปิดที่ 21,882.15 จุด   

+++รอยเตอร์ รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดับท้องถิ่นของโปแลนด์ว่า สนามบินในเมืองมอดลินชานกรุงวอร์ซอของโปแลนด์ ได้อพยพประชาชนออกจากอาคารผู้โดยสาร หลังมีโทรศัพท์ลึกลับขู่ว่า มีการวางระเบิดและเจ้าหน้าที่ของสนามบินพบกระเป๋าต้องสงสัยใบหนึ่งวางทิ้งไว้ในอาคาร ค่อนข้างห่างจากบริเวณลานบิน สำหรับสนามบินดังกล่าวเปิดให้บริการเมื่อปี 2555 เป็นสนามบินแห่งที่สองในกรุงวอร์ซอ รองรับผู้โดยสารระหว่าง 4,000-7,000 คนในแต่ละวัน

CR:แฟ้มภาพ