การบริหารงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการกฟผ. เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2558 ว่า ความต้องการไฟฟ้าสูงสุดในระบบของ กฟผ. อยู่ที่ 27,346 เมกะวัตต์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2558 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 1.5 การใช้พลังงานไฟฟ้าในปี 2558 การผลิตและซื้อพลังงานไฟฟ้ารวม 182,446 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 มีสัดส่วนการผลิตพลังงานจากก๊าซธรรมชาติร้อยละ 69 ถ่านหินร้อยละ 20 พลังน้ำร้อยละ 8 พลังงานทดแทนร้อยละ 2.4 และอื่นๆ ร้อยละ 0.6 การใช้พลังงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ประมาณกลางปี ชี้ให้เห็นทิศทางเศรษฐกิจและการใช้พลังงานที่เริ่มฟื้นตัว และผลจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง แต่ยังมีปัจจัยผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ประกอบกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำลดลงจากปริมาณน้ำในเขื่อนน้อยมาก ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในปี 2558 ปรับลดลงได้เพียง 22.62 สตางค์ต่อหน่วย สะท้อนอย่างชัดเจนว่า เชื้อเพลิงเป็นปัจจัยสำคัญต่อราคาค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานยังได้ประกาศปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 เป็นต้นมา โดยปรับลดค่าไฟฟ้าลงอีก 1.05 สตางค์ต่อหน่วย
สำหรับการคาดการณ์ความต้องการไฟฟ้าปี 2559 ตามการพยากรณ์ทางเศรษฐกิจของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่า GDP จะขยายตัวร้อยละ 3.7 ทำให้ค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 28,470 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 และความต้องการพลังงานไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1
ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวถึงเป้าหมายการดำเนินการในปี 2559 ว่า จะมีโรงไฟฟ้าใหม่เข้าระบบ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 2 กำหนดจ่ายไฟฟ้าในเดือนมกราคม 2559 โรงไฟฟ้าลิกไนต์หงสา ประเทศลาว เครื่องที่ 3 เดือนมีนาคม 2559 ปลดโรงไฟฟ้าขนอม 748 เมกะวัตต์ ออกจากระบบ และนำเข้าโรงไฟฟ้าขนอมใหม่ เดือนมิถุนายน 2559 และยังมีโรงไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ซึ่งใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียน
กฟผ. มีการลงทุนขยายกำลังผลิตและระบบส่งของ กฟผ. ช่วง 5 ปี คือ ปี 2559 -2563 กำหนดไว้ที่ 668,276 ล้านบาท อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ทดแทนหน่วย 4-7 โครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ โครงการโรงไฟฟ้าเทพา 1 และ 2 และโครงการระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าใหม่ และโรงไฟฟ้าหมุนเวียนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยการพัฒนากำลังผลิตของ กฟผ. ได้ออกแบบโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในเชิงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมการปล่อยมลภาวะเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับชุมชน