*คณะกก.ตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ แจงการใช้งบฯ เป็นไปตามระเบียบตามขั้นตอน*

30 ธันวาคม 2558, 15:21น.


ผลการตรวจสอบการดำเนินโครงการอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ แถลงหลังจากตรวจสอบว่า คณะกรรมการชุดนี้ไม่มีอำนาจหน้าที่ใดๆนอกจากตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งการตรวจสอบก็พิจารณาจากพยานหลักฐานภายในกระทรวงกลาโหม และเชิญบุคคลต่างๆมาให้ข้อมูลก่อนส่งข้อสังเกตที่ที่มีต่อการจัดสร้างอุทยานฯ นี้ไปให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม



สำหรับการตรวจสอบพยานหลักฐาน เอกสาร บัญชีรายรับรายจ่าย จนถึงยอดวันเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2558 และปิดรับเอกสารหลักฐานเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2558 ซึ่งในส่วนของการใช้งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากงบกลาง จำนวน 63 ล้านบาท และงบบริจาค รวมถึงวัสดุก่อสร้างที่ได้รับการบริจาคทั้งหมดรวมมูลค่า 802 ล้านบาทและสรุปยอดเงินในโครงการทั้งหมด จนถึงวันที่ 30 พ.ย. 2558 ได้ทั้งสิ้น 866ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการได้มีการนำไปใช้ในโครงการดังกล่าวแล้วกว่า 816 ล้านบาท สรุปว่าสำหรับผลตรวจสอบการใช้งบกลางและงบจากกองทัพบ ก็พบว่า เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 แต่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ก็กำลังตรวจสอบการใช้งบประมาณควบคู่กันไปด้วย



การจัดกิจกรรมราชภักดิ์ ไบค์ แอนด์ คอนคอนเสิร์ตแทนคุณแผ่นดิน ที่มีทั้งการจัดกิจกรรมปั่นจักรยาน,จำหน่ายของที่ระลึก ,จัดงานคอนเสิร์ต พร้อมรับประทานอาหาร และปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ในกิจกรรมดังกล่าวได้มีการปลูกต้นไม้ 72 ต้น ซึ่งเป็นเงินบริจาคมูลค่าต้นละ 300,000 บาท ซึ่งต้นไม้เหล่านี้ได้รับการบริจาคจากเอกชน ไม่ได้เป็นการจัดซื้อใหม่แต่สำหรับผู้ที่บริจาคจะได้รับการติดชื่อ รวม 72ต้น รวมบริจาคในกิจกรรมนี้เป็นเงิน 77ล้านบาท หักบัญชีรายจ่ายแล้วเหลือ66ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าโครงการนี้มีการจัดการประชาสัมพันธ์ที่สามารถเปิดเผยรายรับ รายจ่ายไว้เมื่อตรวจสอบ แล้วพบว่าดำเนินการตามแผนที่ได้ประชาสัมพันธ์ไว้



การหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์ คณะกรรมการตรวจสอบทุกประเด็นเท่าที่จะมีอำนาจตรวจสอบได้ ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบฯ ภายนอกสามารถร่วมเข้าตรวจสอบได้จากคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหม ก็พร้อมจะนำข้อมูลให้ อีกทั้งการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการหล่อพระรูปเพื่อเข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการนั้นมีผู้ที่มาตามคำเชิญและไม่มาตามคำเชิญ



ส่วนเซียนพระที่หลบหนีไปและบุคคลใกล้ชิด ของพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ไม่ได้มาให้ข้อมูล ซึ่งในส่วนนี้ไม่ใช่หน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ แต่เป็นหน้าที่หน่วยงานทางกฎหมายที่ต้องตรวจสอบต่อไป รวมถึงเรื่องการหักหัวคิวเช่นกัน อย่างไรก็ดี ย้ำว่าผู้ใกล้ชิดกับพล.อ.อุดมเดชที่หลบหนีหมายจับของศาลทหารไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และเป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่นในการดำเนินการ ผลการสอบสวนจะทำให้เกิดกระเเสกดดันจากสังคมหรือไม่ พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า คณะกรรมการไม่สามารถตรวจสอบได้



ผู้สื่อข่าว:วิรวินท์ ศรีโหมด 

ข่าวทั้งหมด

X