ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
+++ประเด็นร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะเห็นร่างแรกในปลายเดือนมกราคมปีหน้า หลายคนกังวลว่าอาจจะไม่ผ่านการทำประชามติ ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า จะพยายามทำทุกอย่างให้มีการเลือกตั้งให้ได้ ให้มีการทำประชามติ ส่วนจะผ่านหรือไม่ผ่าน ไม่ใช่ผู้รับผิดชอบ ตนรับผิดชอบในการบริหารประเทศ ให้มันเดินหน้าไปได้ ถ้าประชามติไม่ผ่าน ทำอย่างไรให้มีการเลือกตั้ง ขณะนี้มีวิธีแล้วแต่ไม่บอก ดังนั้นอย่ามากดดัน อย่ามาโยนความรับผิดชอบให้ตน เพราะ กรธ.ตั้งใจอยู่แล้ว ส่วนจะให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.โดนตำหนิทุกวันอย่างนี้มันไม่ได้ เขาก็ตั้งใจทำให้ประเทศชาติปลอดภัย ถ้าทุกคนมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตย อย่างไรมันก็เป็นอย่างนั้น จะเขียนให้เป็นที่พอใจของทุกคนไม่ได้ แต่เขียนให้ประเทศไปได้มีการปฏิรูปนั้น มันมีหนทาง ต้องสร้างความเข้าใจกันแบบนี้ ไม่ใช่เขียนว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านไม่ผ่าน นายกฯต้องรับผิดชอบ มันไม่ใช่
+++นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างกฎหมายที่จะดึงให้นิติบุคคลเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น ซึ่งในสาระสำคัญของกฎหมายจะไม่มีผลย้อนหลัง แต่ผู้ที่เข้าโครงการจะต้องไม่หลบเลี่ยงภาษีอีก ซึ่งในหลักการ คุณสมบัติของผู้ที่เข้าโครงการ จะต้องมียอดขายต่ำกว่า 500 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ประกอบการร้อยละ 96 ของประเทศ
+++สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีกำไรไม่เกิน 30 ล้านบาท จะได้รับลดหย่อนภาษีในปีแรกเหลือร้อยละ 0 ส่วนปีที่ 2 เสียในอัตราร้อยละ 10 จะทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในระบบภาษี ขณะเดียวกันภาครัฐจะมีฐานภาษีกว้างขึ้น ในระยะยาวไม่ต้องขึ้นอัตราภาษีและหากทำร่วมกับระบบ E-Payment จะทำให้การหลบเลี่ยงภาษียากขึ้น ส่วนแนวทางการปฏิบัติจะชี้แจงในระยะต่อไป
+++คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบเป้าหมายทางการเงินปี 2559 โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.5 บวกลบร้อยละ 1.5 หรืออยู่ระหว่างร้อยละ 1-4 โดยคาดว่า เงินเฟ้อจะเหนือกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งธปท.เตรียมใช้เครื่องมือทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างเต็มศักยภาพและยั่งยืน และไม่ก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ และความสมดุลทางเศรษฐกิจ ส่วนปัญหาเศรษฐกิจโลก คาดว่า เฟดมีเครื่องมือทางการเงินหลายอย่าง ที่สามารถบริหารจัดการได้ อยู่ที่จะผสมผสานเครื่องมือใดในการแก้ปัญหา
++++ส่วนการแก้ปัญหาบัตรทอง นพ.สุวิทย์ วิบูลย์ผลประเสริฐ เป็นประธานคณะกรรมการจัดทำแนวทางเพื่อระดมทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพ ได้สรุปข้อเสนอต่อนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ว่า เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมของ 3 กองทุนภาครัฐ โดยเฉพาะเรื่องของการร่วมจ่ายค่ารักษานั้นมี 3 แนวทางคือ เก็บสมทบก่อนเจ็บป่วย โดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ต้องมีการปรับเพิ่มเพดานเงินเดือนขั้นต่ำขึ้น 7 เท่า สิทธิข้าราชการถ้าเป็นรายใหม่ ให้เข้าระบบสปส. และปรับเพิ่มฐานเงินเดือน 1.3-1.5 เท่า ส่วนข้าราชการเดิมอยู่ที่ความสมัครใจ ส่วนบัตรทองให้เก็บตามสถานะทางเศรษฐกิจ 3-5 ช่วงชั้น ยกเว้นผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ เก็บจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ยกเว้นผู้มีรายได้น้อย และภาษีธุรกรรมทางการเงิน เพื่อใช้สำหรับอุดหนุนหนุน ระบบฯ และ จ่ายสมทบ ณ จุดบริการ ยกเว้นคนเป็นโรคติดต่อ การฉีดวัคซีนป้องกันโรค มีกลไกป้องกันคนมีรายได้สูงดูดทรัพยากรไปใช้แล้วกระทบคนอื่น และต้องจัดสรรเงินที่เก็บได้อย่างเป็นธรรม ทั้งนี้จะเลือกใช้แนวทางไหนขึ้นอยู่กับรัฐบาล ถ้าไม่ให้ร่วมจ่ายก็ต้องไม่ร่วมจ่ายทั้งหมด
++++ด้านนพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ขอรับข้อเสนอเหล่านี้ไปพิจารณาต่อ โดยจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณาข้อเสนอและให้ได้ข้อสรุปว่าจะเดินหน้าอย่างไร ส่วนเรื่องบัตรทองในปี 2559 นั้นยังใช้แบบเดิม แต่ในปี 2560 น่าจะได้ข้อสรุปและมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นไปตามกรอบระยะเวลา และอายุการทำงานของรัฐบาลชุดนี้
+++สลายการชุมนุมแยกคอกวัว มติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกกรณีคำร้องขอให้ถอดถอนและคำกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. ได้ลงมติคดีดังกล่าวด้วยเสียงเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เสียง โดยมีรายงานข่าวแจ้งว่า จากการไต่สวนถือว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 รายกับพวกได้ทำตามหน้าที่ โดยมีมาตรการจากเบาไปหาหนักแล้ว ส่วนเรื่องที่มีมติส่งไปให้ดีเอสไอสอบสวนต่อนั้น คือกรณีที่มีผู้เสียชีวิต เป็นจำนวนมากในที่เกิดเหตุ เพื่อให้ดีเอสไอ สอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดกรณีที่ทำให้มีการตายเกิดขึ้น หรือการฆ่าคนตายที่เกิดขึ้นจากผู้ที่ยิงถือเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่เกี่ยวข้องกับผู้สั่งการแต่อย่างใด
+++ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลแพ่งมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงกลาโหม ที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุที่จำเลยปลดโจทก์ออกจากราชการ เนื่องจากโจทก์ขาดการตรวจเลือกทหารแล้วนำใบสำคัญ (ใบสด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายอันเป็นเท็จ และยังไม่มีใบสด.41 ซึ่งเป็นเอกสารแสดงว่าได้รับการผ่อนผันกรณีศึกษาที่ต่างประเทศว่าไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร โจทก์จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติและไม่มีคุณสมบัติที่จะบรรจุเข้ารับราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตรได้ การสมัครและบรรจุโจทก์เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร กับการแต่งตั้งโจทก์เป็นนายทหารสัญญาบัตรฯ ตามคำสั่งกระทรวงกลาโหมเป็นการไม่ชอบ คำสั่งของจำเลยที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งของจำเลย
+++ศาลฎีกาพิพากษายืน ยกฟ้อง “5 ตำรวจ" คดีอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร ชี้พยานให้การสับสน ส่วนพยานเอกสารข้อมูลใช้โทรศัพท์ระหว่างจำเลยขณะเกิดเหตุรับฟังไม่ได้ ขาดความสมบูรณ์ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของนายสมชาย กล่าวว่า ก็รู้สึกเสียใจ และขอไว้อาลัยแด่กระบวนการยุติธรรมไทย โดยเฉพาะพนักงานสอบสวน ส่วนการที่ ศาลไม่สามารถอนุญาตให้ครอบครัวเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีมันจะส่งผลกระทบต่อคนที่โดนอุ้มหายไปได้ต่อไปในอนาคต คดีการบังคับสูญหาย ในทางกฎหมายถือเป็นอาชญากรรมต่อเนื่อง จะไม่มีอายุความ อายุความจะเริ่มต่อเมื่อทราบที่อยู่และชะตากรรมของผู้สูญหาย เรียกร้องให้รัฐบาลลงนามสัตยาบันอนุสัญญาคนหายของสหประชาชาติ แล้วก็จะต้องให้มีกฎหมายว่าด้วยการบังคับสูญหายต่อไป ซึ่งตอนนี้ทางกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการขู่บังคับให้สูญหาย ซึ่งเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ตั้งแต่ช่วงเมษายน 58 แต่หาก ครม.ยังไม่เห็นชอบยังค้างอยู่ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ในสภากฎหมายก็จะไม่ได้บังคับใช้ อยากให้รัฐบาลเห็นความสำคัญปัญหาการอุ้มฆ่าและผลักดันกฎหมายที่ให้มีการคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพ
+++ส่วนจำเลย ที่เดินทางมาศาล 4 คน คือ พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ หรือชัดชัย เลี่ยมสงวน, พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ อดีตพนักงานสอบสวน กก.4 ป., จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง อดีต ผบ.หมู่งานสืบสวน แผนก 4 กก.2 บก.ทท. และ ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต อายุ 42 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ธุรการ กก.4 ป. โดยทั้งหมดเดินทางกลับทันที ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ส่วน พ.ต.ต.เงิน ทองสุก จำเลยที่ 1 ได้หายสาบสูญไปตั้งแต่ปี 51
+++ปิดท้ายที่กลุ่มพุทธศาสนิกชนปทุมธานี ยื่นหนังสือต่อนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เพื่อยุติกิจกรรมธรรมยาตรา ธุดงค์ธรรมชัย เส้นทางพระผู้ปราบมาร พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร) ปีที่ 5 พระธรรมกาย ระหว่าง 2-31 มกราคมที่จะถึงนี้ ด้านนายสุรชัยกล่าวว่า จะรับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการแจ้งให้ทางวัดพระธรรมกายเลื่อนการจัดงานออกไปโดยวันที่ 2 มกราคมที่จะถึงนี้ให้ยุติไว้ก่อน และจะหารือกับส่วนที่เกี่ยวข้อง และแนวทางปฏิบัติอีก 7 จังหวัดและองค์กรที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง เพื่อให้สะท้อนไปยังสำนักพุทธศาสนา และคณะสงฆ์ในจังหวัด รวมทั้งคณะสงฆ์ที่ดูแลพระสงฆ์ทั้งประเทศในภาพรวมที่มีผลกระทบในเส้นทางธุดงค์ธรรมชัย เพื่อประสานงานรับเรื่องไปดำเนินการต่อ เพราะลำพังผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีไม่มีอำนาจ