*สธ.เตรียมเสนอรัฐบาลใช้เงินภาษีอุดหนุนหลักประกันสุขภาพ ยืนยันไม่ยกเลิก*

29 ธันวาคม 2558, 17:34น.


การประชุมคณะกรรมการจัดทำแนวทางเพื่อระดมทรัพยากร เพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยหลังข่าวออกมาระบุว่าจะยกเลิกระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ว่า ตัวเองไม่เคยพูดว่าจะมีการยกเลิกระบบดังกล่าว เพียงแต่พูดว่าจะต้องให้ประชารัฐมีส่วนร่วมในระบบนี้ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยมองว่าระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าในอนาคตจะต้องมีการใช้งบประมาณและเทคโนโลยีเป็น จำนวนมาก อีกทั้งประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น  



แม้ว่าระบบนี้จะเป็นระบบที่ดีที่สุดในการทำให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงการรักษาพยาบาล ทำให้ครอบครัวกว่า 100 ครอบครัวหลุดพ้นจากการล้มละลายเพราะการรักษาสุขภาพ แต่เพื่อให้ระบบนี้มีความยั่งยืน รัฐบาล เอกชน และประชาชน จะต้องร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น   โดยกระทรวงสาธารณะสุขจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุดหลังปีใหม่ โดยจะมีภาคประชาสังคม ภาครัฐ ภาคเศรษฐศาสตร์ เข้ามามีส่วนร่วม



ด้านนพ. สุวิทย์ วิบูลย์ผลประเสริฐ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดทำแนวทางเพื่อระดมทรัพยากร เพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากข้อมูลในปี 2556 พบว่ารายจ่ายสุขภาพทั้งหมด เท่ากับ ร้อยละ 4.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งหากจะเกิดความยั่งยืนในระบบนี้ ประเทศไทยจะต้องมีรายจ่ายไม่เกินร้อยละ 5 ของ GDP และรายจ่ายของรัฐบาลด้านสุขภาพ จะต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของรายจ่ายรัฐบาล  



โดยคณะกรรมการฯ จะเสนอให้รัฐบาลใช้เงินจากการเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้น เพื่อมาอุดหนุนระบบประกันสุขภาพ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่มีข้อแม้ว่าเงินที่ได้มาจะต้องไม่นำไปใช้ในทางอื่น และจะต้องสร้างความมั่นใจให้ได้ และจะต้องไม่กระทบกับผู้มีรายได้น้อย และประชาชนทุกคนจะต้องได้รับการรักษาและบริการเท่ากัน หากใครต้องการบริการที่ดี ก็จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม และจะต้องป้องกันไม่ให้ผู้มีความสามารถในการจ่ายเงินดึงหมอและพยาบาล ไปจนหมด ที่สำคัญ หมอจะต้องไม่เก็บค่ารักษาพยาบาลกรณีที่มีผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อ เช่น วัณโรค เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยลังเลที่จะรักษา และนำเชื้อโรคไปติดผู้อื่น



นอกจากนั้น  จะต้องมีการกระจายรายได้ ให้เกิดความเท่าเทียมของหมอและโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับการบริการเหมือนคนในเมือง ขณะที่องค์การอนามัยโลกก็ได้ประเมินออกมาว่าค่าใช้จ่ายร้อยละ 40 มาจากค่าใช้จ่ายของยาและเทคโนโลยีที่ไม่จำเป็น ดังนั้นจะต้องมีการลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลง เพื่อไปเพิ่มให้กับรายจ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นกว่านี้  ส่วนกรณีนักวิชาการด้านการแพทย์ ออกมาระบุว่าระบบการประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทำให้ประเทศไทยไม่มีงบประมาณในการพัฒนาด้านการแพทย์ว่า ประเด็นนี้ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ แต่ยืนยันว่าพัฒนาการทางการแพทย์ของไทย ไม่ด้อยกว่าประเทศในเอเชีย เห็นได้จากโรงพยาบาลต่างๆ ของเอกชน ซึ่งประเด็นนี้จะต้องมีหลักฐานถึงจะนำมาเสนอคณะกรรมการได้



 



ผู้สื่อข่าว สมจิตร พูนสุข

ข่าวทั้งหมด

X