เมืองไทยฯ(2):คงเป้าหมายศก.ปี58แม้ส่งออกติดลบต่อเนื่อง/กสิกรคาดปีใหม่ไทยเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น*

29 ธันวาคม 2558, 08:21น.


ในวันนี้ นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จะแถลงผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา พร้อมแผนเพิ่มรายได้ของบริษัทในปี 2559



สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดและอายัดได้ที่เหลือส่งท้ายปี 2558 ในวันนี้, วันที่ 30 ธันวาคม 2558 และวันที่ 4 มกราคม 2559



นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ยังคงเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ไว้ที่ร้อยละ 2.8 โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมาก่อนหน้านี้ รวมถึงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย 15,000 บาท สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะช่วยให้การขยายตัวของตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) เติบโตได้ใกล้ร้อยละ 3 อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2559 ยังคาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 3.8



ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า ตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงนี้น่าจะยังมีความคึกคักเช่นเดียวกับที่ปีที่ผ่านมา เห็นได้ว่าในปี 2558 นี้หน่วยงานภาครัฐทั้งส่วนกลางและหน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงภาคเอกชนต่างให้ความสำคัญในการจัดแคมเปญการท่องเที่ยว ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ของตนในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กับยังมีมาตรการภาษีเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมและธุรกิจนำเที่ยว ตลอดจนผลทางจิตวิทยาให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย



ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในช่วง 7 วัน ของเทศกาลปีใหม่ (28 ธันวาคม 2558-3 มกราคม 2559) คนไทยจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 ก่อให้เกิดรายได้ 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557



นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือกับ Mr. Nguyen Tat Thanh เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย ว่า ในการติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า ที่เวียดนามระงับการออกใบอนุญาตนำเข้าผลไม้ 4 ชนิดจากไทย ได้แก่ ลำไย เงาะ ลิ้นจี่ และมะม่วง เนื่องจากพบแมลงที่เป็นอันตราย ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2558 เป็นต้นมา ไทยจึงขอให้เวียดนามติดตามความคืบหน้า และขอให้เร่งรัดการพิจารณาข้อเสนอของไทยในการจัดตั้งสภาร่วมธุรกิจไทย-เวียดนาม เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการขยายการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน และทำให้เป้าหมายการค้าที่ได้ตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563 เ



นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ตัวเลขการส่งออกไทยทั้งปีจะติดลบอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5.5 และไม่เกินร้อยละ 7 หรือคิดเป็น มูลค่า 2 แสน 1 หมื่น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบเพียงร้อยละ 3 เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกถึงร้อยละ 10 ของการส่งออกไทยทั้งหมด รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังไตรมาสแรก ของปี 2559 อย่างไรก็ตาม สำหรับเป้าหมายการส่งออกปี 2559 ที่ร้อยละ 5 ยังคงต้องจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด



การส่งออกเดือนพฤศจิกายน 2558 ยังติดลบต่อเนื่องที่ร้อยละ 7.42 มีมูลค่าการส่งออกที่ 17,167 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้การส่งออกของไทยในรอบ 11 เดือนติดลบร้อยละ 5.51 คิดเป็นมูลค่า 197,275 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 16,868 ล้านเหรียญ สหรัฐ ลดลงติดลบร้อยละ 9.53 ส่งผลให้ดุลการค้าไทยเกินดุล 299 ล้านเหรียญสหรัฐ



นายสุรพงษ์ เจียสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลง โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่มีการใช้มากในภาคการขนส่งและภาคการผลิต ที่มีราคาเฉลี่ย 24.83 บาท/ลิตร จากเมื่อปี 2556 ที่มีราคาเฉลี่ย 29.97 บาท/ลิตร และในปี 2557 มีค่าเฉลี่ย 29.69 บาท/ลิตร



สศก. วิเคราะห์ว่า จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตร (จีดีพีภาคเกษตร) ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.24



ด้านการสื่อสาร พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยว่า สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู)  รายงานว่าเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ครอบคลุมประชากรโลกมากกว่าร้อยละ 95 โดยมีการลงทะเบียนเพื่อใช้งานทั่วโลกมากกว่า 7,100 ล้านราย แม้ในปี 2558 จะมีอัตราการเติบโตของจำนวนลูกค้าช้าลง เนื่องจากตัวเลขผู้ใช้งานเกือบเท่ากับประชากรโลกแล้ว และไอทียูคาดว่า อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โมบาย บรอดแบนด์) จะก้าวเข้าสู่ยุค 5จี ในเชิงพาณิชย์ด้วยความความเร็วในการส่งข้อมูลในระดับ 1-10 กิกะบิต ภายในปี 2563 ดังนั้นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทย ต้องเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้ารายบุคคล และต้องสร้างธุรกิจใหม่ๆ



ศาลอาญา แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ประทับรับฟ้อง ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร , น.ส.จำรัส  แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157  เพื่อไม่ให้นายพานทองแท้  และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณต้องเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควรโดยชอบด้วยกฎหมาย จากการที่นายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทาซื้อหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549 คนละ 164,600,000 หุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท ถือได้ว่านายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาท ซึ่งทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการเสียหาย



โดยชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1-4 ตามฟ้อง ป.ป.ช.โจทก์ มีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จึงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ส่วน น.ส.ปราณี จำเลยที่ 5 ไม่ได้มีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1-4 ศาลจึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องคดีไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป  และมีหมายเรียกให้จำเลยที่ 1-5 มารายงานตัว และดำเนินการไต่สวนพยานครั้งแรกในวันที่  23 ก.พ.59 เวลา 09.00 น.



*-*

ข่าวทั้งหมด

X