กรณีที่ พลเอกอาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศเมียนมาร์ ส่งหนังสือถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกสมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย ขอให้มีการทบทวนการพิจารณาคดีจำเลยชาวเมียนมาร์ 2 คนอีกครั้งนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.กล่าวว่า ประเทศมีกฏหมายและกระบวนการยุติธรรม และขอให้ไปดูขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ที่ยังสามารถอุทธรณ์และฏีกาได้ แต่จะให้มายกเลิกขั้นตอนทางกระบวนการยุติธรรมนั้นไม่สามารถทำได้ ทำไมประเทศไทยจะทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม
ส่วนกรณีที่มีชาวเมียนมาร์ ชุมนุมที่หน้าบ้านของ นางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี เพื่อเรียกร้องให้เจรจากับทางการไทยเกี่ยวกับคดีนี้เช่นกันนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การดำเนินการทั้งหมดเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องให้ตำรวจของทั้งสองประเทศมาหารือกัน หรือหากจะให้มากดดันแล้วก็ปล่อยตัวไปนั้น ก็ต้องไปขอรัฐบาลที่แล้วเพราะเขาชอบทำบ่อยๆ
เช้าวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีออกเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎรณ์ธานีและจังหวัดสงขลา เพื่อติดตามผลงานดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ และแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง แต่ไม่ใช่การทำให้ราคายางสูงขึ้น เพราะไม่ต้องการให้เกิดการบิดเบือนกลไกการตลาด นอกจากนี้ จะไปดูนิคมอุตสาหกรรมการยาง ซึ่งหากไม่มีอะไรติดขัด คาดว่าปี 2559 จะสามารถเริ่มอุตสาหกรรมการแปรรูปยางได้ รวมถึงการปรับตัวของเกษตรกรชาวสวนยาง ที่มีการปลูกพืชเสริม ในอาชีพหลัก เพราะลำพังการทำเกษตร มีรายได้ไม่เพียงพอ และดูความพร้อมในการเตรียมเปิดด่าน ไทย-มาเลเซีย เพื่อให้มีความเชื่อมโยงด้านการค้าเศรษฐกิจ
ส่วนโครงการช็อปช่วยชาตินั้น นายกรัฐมนตรีแสดงความพอใจผลการตอบรับ เพราะช่วยให้ประชาชนสามารถจับจ่ายซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกลง ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบ และเกิดวงจรการผลิต จึงไม่อยากให้ประชาชนมองแค่ว่าได้ของถูก แต่ให้ดูความเชื่อมโยงต่างๆด้านเศรษฐกิจที่จะตามมาด้วย
..
ผสข.วิรวินท์ ศรีโหมด