*30ธ.ค.แถลงผลสอบราชภักดิ์/ดีเอ็นเอมัดผตห.คดีเกาะเต่า/ซื้อทองไม่ลดภาษี คลังแถลงของขวัญปีใหม่วันนี้*

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.

+++ประเด็นร้อนแรงอย่างต่อเนื่องกรณีการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราช ภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกลุ่มนักศึกษาจะร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐละเมิดสิทธิจากการควบคุมตัวหลังจากเคลื่อนไหวตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า อยากถามว่าเขาจะมาตรวจสอบได้อย่างไร และอยากรู้ว่าจะตรวจสอบอะไร เพราะไม่ใช่กรรมการ การเดินทางไปส่องไฟฉายก็เพื่อแสดงสัญลักษณ์ และต้องการทำให้เป็นประเด็น ซึ่งทำไม่ได้เพราะปัจจุบันมี พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรและไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนเลย ด้านพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง มีกำหนดการแถลงผลสอบในวันที่ 30 ธ.ค. นี้

+++พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 (ผบ.พล.ร.9) กล่าวว่า ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ละเมิดสิทธิกลุ่มนักศึกษาทุกอย่างทำตามหน้าที่ และเคารพหลักสิทธิมนุษยชน การเข้าไปดูแลนักศึกษาก็เพื่อป้องกันการปะทะกับกลุ่มไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว

+++ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ประธานมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชนในฐานะประธานชมรมนักรบไซเบอร์ แถลงข่าวความคืบหน้ากิจกรรมชมรมนักรบไซเบอร์ โดยเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ใช้อำนาจสั่งการกำจัดเว็บไซต์ที่มีการกระทำผิดกฎหมายตามมาตรา 112 และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อย่างจริงจังเพื่อไม่ให้เว็บไซต์เหล่านี้ดำเนินการแชร์ หรือเผยแพร่ข้อความที่จะนำความเสื่อมเสียมายังสถาบันพระมหากษัตริย์ที่คนไทยให้ความเคารพ  ขณะนี้มีเว็บไซต์ผิดกฎหมายเหล่านี้อยู่มากถึง 598 ลิงก์ ซึ่งปัจจุบันยังมี การกระทำผิด ดังนั้นขอให้ทางนายกรัฐมนตรีระดมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์จากทุกภาคส่วนตั้งเป็นทีมเฉพาะกิจ และตั้งรัฐ มนตรีเป็นเจ้าภาพให้ชัดเจนโดยมีฝ่ายความมั่นคงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายจัดการเรื่องนี้เป็นภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลด้วย ไปยื่นหนังสือถึงนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 28 ธ.ค. เวลา 13.30 น.

+++หลัง คณะผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์ห้องพิจารณาคดีที่ 6 อ่านคำพิพากษาคดีให้ประหารชีวิต นายซอริน หรือ โซเรน และนายเวพิว หรือ วิน จำเลยที่ 1 และ 2 ชาวพม่า ในคดีฆ่าข่มขืน นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ รายละเอียดคำพิพากษา ระบุ จากการไต่สวนคดี จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหาเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลจึงได้พิเคราะห์เหตุแห่งคดี และจากพยานหลักฐานต่าง ๆ เห็นว่า นายซอริน จำเลยที่1 และนายเวพิว จำเลยที่ 2 มีความผิดเกี่ยวกับชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งแพทย์ตรวจและผ่าศพผู้ตายทั้ง 2 พบดีเอ็นเอ ของคนร้ายมากกว่า 1 คนในช่องคลอดและช่องทวารหนักของผู้ตายที่ 2 หลักฐานชิ้นนี้เป็นพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อันเป็นที่ยอมรับทั่วไปตามหลักสากล ว่าสามารถพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลได้เป็นอย่างดี ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ สามารถเชื่อมโยง เปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของจำเลยทั้ง 2 พบว่า ดีเอ็นเอที่ตรวจพบจากคราบอสุจิบริเวณช่องคลอดผู้ตายที่ 2 ตรงกับดีเอ็นเอของจำเลยที่ 2 ส่วนดีเอ็นเอที่ตรวจพบจากคราบอสุจิบริเวณช่องทวารหนักผู้ตายที่ 2 ตรงกับดีเอ็นเอของจำเลยทั้ง 2 รายงานผลการทดสอบเปรียบเทียบดีเอ็นเอของคนร้ายกับดีเอ็นเอของจำเลยที่ 2 มีค่าตำแหน่งดีเอ็นเอตรงกันทั้ง 16 ตำแหน่ง ดังนั้นย่อมไม่มีโอกาสที่เจ้าพนักงานตำรวจและแพทย์ผู้ตรวจผ่าศพและนักวิทยาศาสตร์ ผู้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของคนร้าย ไม่สามารถนำอสุจิหรือสารประกอบน้ำอสุจิ ซึ่งอยู่ในร่างกายส่วนลึกของจำเลยทั้ง 2 ไปใส่ไว้ในช่องคลอดและช่องทวารหนักของผู้ตายที่ 2 ได้

+++ส่วนข้ออ้างเถียงของจำเลยทั้ง 2 ทั้งเรื่องรายงานผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เรื่องล่ามภาษาพม่า การจัดหาทนายความชั้นสอบสวน หรือข้ออ้างที่ว่า จำเลยทั้ง 2 ถูกทำร้ายร่างกายและทรมานเพื่อบังคับให้รับสารภาพในชั้นจับกุมนั้น จำเลยทั้ง 2 ไม่มีพยานหลักฐานใด ๆ มานำสืบให้รับฟังได้ตามที่อ้าง มีลักษณะเป็นคำกล่าวอ้างลอยๆ ทั้งไม่ใช่ข้อสาระสำคัญอันจะนำให้พยานหลักฐานของโจทก์ในส่วนการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ไม่มีน้ำหนัก หรือส่งผลให้วินิจฉัยของศาลต้องเปลี่ยนแปลงไป พยานหลักฐานของจำเลยทั้ง 2 ไม่อาจหักล้างพยานของโจทก์ได้

+++ พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก โดยตลอดระยะเวลาร่วม 1 ปี ตั้งแต่เกิดคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนทำงานอย่างหนัก มีความกดดันจากสังคมและตกเป็นจำเลยของสังคมมาโดยตลอด ที่ผ่านมาตำรวจไม่เคยตอบโต้ ทำงานรวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง วันนี้ตนพูดได้เพียงแต่ว่า เราทำดีที่สุดแล้ว และหวังว่าสังคมจะเข้าใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่าทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ใช่ทำไปตามกระแสสังคม

+++สำนักข่าวเอพีรายงานแสดงความประหลาดใจ หลังโพลสำรวจล่าสุดพบว่า ชาวไทยที่ถูกสอบถามเกือบ 99 % มีความสุขภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร ในนาม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นับตั้งแต่ คสช. ขึ้นครองอำนาจจากการก่อรัฐประหารเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งความนิยมที่สูงมากขนาดนี้ จะพบเห็นได้ในการเลือกตั้งที่เกาหลีเหนือ หรืออิรักในยุคของอดีตผู้นำเผด็จการซัดดัม ฮุสเซน รายงานระบุว่า รัฐบาล คสช. ติดตามไล่ล่ากลุ่มผู้วิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ลดละ คุมขังผู้ที่พยายามจะประท้วง จุดเทียน หรือแม้แต่กดปุ่ม "ไลค์" ชอบ บนเฟซบุ๊ค แต่กระนั้น ผลการสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร แสดงให้เห็นถึงความน่าประหลาดใจ ที่ชาวไทยส่วนใหญ่มีความพึงพอใจ กับการบริหารงานของรัฐบาล คสช.  

+++น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมหารือร่วมกับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางบก ว่า ผู้ขนส่งสินค้าและบริการยืนยันที่จะปรับลดค่าบริการขนส่งลง 5-10% ซึ่งจะช่วยราคาสินค้าตามห้างฯ ร้านทั่วไปปรับลดลงตามค่าขนส่งผลเฉลี่ยที่ 10 สต.-10 บาทต่อชิ้น ตามขนาดน้ำหนักของสินค้าและมูลค่าของสินค้า มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 59 เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน รวมถึงเป็นไปตามกลไกตลาด ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันดีเซล ลดลงจากเดิมลิตรละ 29.99 บาท เหลือลิตรละ 20.64 บาท หรือลดลง 31.18% ส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าลดลงรวม 12-15% และต้นทุนสินค้าลดลง 1.2-2.25% ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภค 274 รายการ ลดลงประมาณ 2.08-39% เช่นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, ข้าวสารบรรจุถุง, น้ำมันพืช, ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปน้ำปลา, ซอสปรุงรส, ผงชูรส ส่วนของการลดค่าครองชีพประชาชน ได้มีการจัดงาน "เทใจ...คืนสุข...เทศกาลปีใหม่" โดยลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ ในห้างค้าปลีก ค้าส่งสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เกต และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ มากกว่า 13,000 สาขา ในระหว่างวันที่ 17- 27 ธ.ค. 58 ซึ่งลดราคาสินค้าสูงสุด 80%

+++ประชาชนแห่โทรศัพท์เข้ามาที่สายด่วนกรมสรรพากร เพื่อสอบถามรายละเอียดของมาตรการภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีที่จะให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในระหว่างวันที่ 25-31 ธ.ค. 2558 จากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท โดยส่วนใหญ่สอบถามเรื่องการซื้อทองคำว่าจะสามารถ นำมาหักลดหย่อนภาษีได้หรือไม่ โดยการซื้อทองคำสามารถหักลดหย่อนภาษีได้เฉพาะค่ากำเหน็จเท่านั้น เพราะตัวเนื้อทองคำไม่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับสินค้าที่ไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้แน่นอน คือ สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ ซึ่งในวันนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติ วรวงศ์ รมว.คลัง จะแถลงชี้แจงรายละเอียดของมาตรการว่าซื้ออะไรแล้วนำมาหักลดหย่อนภาษีไม่ได้

++++สิ่งที่ผู้ต้องการใช้สิทธิในโครงการจะต้องคิดให้รอบคอบ คือ จะได้รับเงินคืนภาษีตามฐานภาษีเงินได้ที่จ่ายให้กับกรมสรรพากรเท่านั้น ไม่ได้รับเงินคืนเท่ากับราคาสินค้าที่ซื้อ หากมีฐานภาษี 5% ซื้อสินค้า 1.5 หมื่นบาท จะได้คืนภาษี 750 บาท ควรตรวจสอบผู้ขายก่อนซื้อว่าสามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้หรือไม่ เพราะต้องใช้เป็นหลักฐานการซื้อสินค้า นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมา รวมถึงการหักภาษีช็อปปิ้งช่วงปีใหม่ จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย ทำให้ผู้ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้จ่ายก่อนสิ้นปีใหม่นี้ ตัดสินใจใช้จ่ายมากขึ้น คลังคาดหวังว่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจ ปีนี้ขยายตัวได้ถึง 3% สูงกว่าที่คลังประมาณไว้ก่อนหน้าที่ 2.8%