ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.
+++อากาศแปรปรวน ชาวนครนิวยอร์กมีโอกาสได้ออกมาช็อปปิ้งเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าในโอกาสเทศกาลคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในวันคริสต์มาสอีฟ 24ธ.ค.ด้วยการทิ้งเสื้อหนาวไว้ที่บ้านได้เลยเพราะอุณหภูมินั้นถือว่าอบอุ่นที่สุดเป็นประวัติการณ์โดยวัดได้70องศาฟาเรนไฮต์หรือ 21องศาเซลเซียสเมื่อตอนเช้าของวันพฤหัสบดี ทำให้บางคนถึงกับสวมแค่เพียงเสื้อยืดตัวเดียวก็เพียงพอสำหรับการเล่นสเก็ตน้ำแข็ง ส่วนบางคนถึงกับถอดเสื้อวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติคาดหมายว่าอุณหภูมิที่สวนสาธารณะเซ็นทรัลปาร์ค นครนิวยอร์กอาจสูงอีกในตอนกลางวันราว74องศาฟาเรนไฮต์ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่บันทึกอุณหภูมิอบอุ่นได้ที่นิวยอร์กนับตั้งแต่เริ่มบันทึกอุณหภูมิมาตั้งแต่ปี2414เป็นต้นมา
+++ ครอบครัวผู้ตายในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 รายที่เกาะเต่า ยืนยันว่าได้รับความเป็นธรรมแล้ว หลังศาลไทยพิพากษาตัดสินประหารชีวิต 2 ผู้ต้องหาชาวพม่า "ไมเคิล" น้องชายของเดวิด มิลเลอร์ผู้ตาย พร้อมด้วย "เอียน" ผู้เป็นพ่อและ "ซูว์" ผู้เป็นแม่ ได้อ่านคำแถลงบริเวณด้านนอกของศาล ไมเคิล ระบุว่า เดวิดถูกทำร้ายจากด้านหลัง แล้วลากลงไปในทะเล จากนั้นก็ถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ตาย เรื่องนี้จะคงอยู่กับครอบครัวไปตลอดกาล ส่วนสิ่งที่เกิดกับวิทเธอริดจ์นั้นไม่อาจพูดได้
+++ไมเคิล มิลเลอร์ บอกว่าครอบครัวของเขาไม่เห็นด้วยกับบรรดากลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย เรื่องการดำเนินงานสืบสวนและการพิจารณาคดี "เราเชื่อว่าหลังจากเริ่มต้นด้วยความยากลำบาก ตำรวจไทยก็ได้ดำเนินการสืบสวนด้วยขั้นตอนที่เป็นระเบียบ การได้รับฟังอย่างรอบคอบ เกี่ยวกับหลักฐานทั้งหมดและสิ่งที่ทนายจำเลยพูด ในความเห็นของเรา หลักฐานที่มีต่อ เวพิว และ ซอลิน นั้นแน่นหนามาก พวกเขาไม่แสดงให้เห็นถึงความสำนึกผิดเลยตลอดช่วงการพิจารณาคดี ตอนแรกพวกเขาสารภาพแล้วต่อมาอีกเกือบ 2 สัปดาห์พวกเขาก็กลับคำเพื่อจะหลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม และยังหวังว่าบรรดานักเคลื่อนไหวที่พากันโพนทะนาเกี่ยวกับคดีนี้อย่างไม่ลดละ จะเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมและการตัดสินของศาล เราเชื่อว่าการตัดสินที่ถูกต้องนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ขณะที่ ด้านหน้าสถานทูตไทยในกรุงย่างกุ้งวันนี้ จะมีกลุ่มผู้คัดค้านคำพิพากษาของศาลไทย นัดชุมนุมกันอีกครั้ง ด้านสถานทูตไทย เตือนให้คนไทยระมัดระวังตัว ในช่วงนี้
+++ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า สถานทูตอังกฤษและสหรัฐฯในประเทศจีน ระบุว่าพวกเขาได้รับข่าวกรองว่าอาจจะมีภัยคุกคามต่อชาวตะวันตกที่ไปท่องเที่ยวในย่านซานหลี่ถุน ย่านช็อปปิ้งดังในกรุงปักกิ่งในช่วงเทศกาลคริสต์มาส สถานทูตทั้ง 2 ได้แจ้งเตือนพลเมืองและเจ้าหน้าที่สถานทูตให้ทราบแล้ว พร้อมเตือนให้เพิ่มการดูแลตัวเอง ถ้าหากพวกเขาอยู่ในย่านนั้น
+++ตำรวจอินโดนีเซียสามารถรวบตัวผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายอีก 2 คนเมื่อวานนี้ ซึ่งเตรียมทำการโจมตีในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัย 9 รายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงยังได้สอบสวนหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นชาวอุยกูร์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุวางระเบิดที่ย่านราชประสงค์ของไทยในวันที่ 17 ส.ค.หรือไม่ ชาวอุยกูร์รายนี้ได้อาศัยอยู่ในอินโดนีเซียเป็นเวลา 2 เดือน หลังจากที่เคยพำนักในไทยและมาเลเซียก่อนหน้านี้ ในห้องพักของชาวอุยกูร์คนนี้ เจ้าหน้าที่สามารถยึดหนังสือคู่มือการโจมตีด้วยระเบิด และรายชื่อนักรบของกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ในอินโดนีเซีย และซีเรีย
+++รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงไม่ออกมาปฏิเสธหรือยืนยันข่าวที่ว่า นายจุมเปอิ ยาสึดะ ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น ได้ถูกกลุ่มติดอาวุธในซีเรียจับเป็นตัวประกันในเดือนก.ค. นายฟูมิโอะ คิชิดะ รมว.ต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า เขาได้รับทราบรายงานข่าวดังกล่าวแล้ว แต่ไม่ขอยืนยันข่าวดังกล่าว เนื่องจากสถานการณ์มีความอ่อนไหว ส่วนนายโยชิฮิเดะ สึกะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวในการแถลงข่าวว่า รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นในการรักษาความปลอดภัยของประชาชนไม่ว่าอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ และจะใช้ทุกวิถีทางในการรับประกันความปลอดภัยของพวกเขา ก่อนหน้านี้ โดยอ้างองค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporters Without Borders :RWB) ซึ่งรายงานว่า นายยาสึดะได้ถูกกลุ่มติดอาวุธจับกุมเป็นตัวประกันในดินแดนที่ควบคุมโดยกลุ่มอัล-นุสรา ฟร้อนท์ ซึ่งเป็นเครือข่ายของอัลกออิดะห์
++++หน่วยงานดูแลชายฝั่งของตุรกีว่า มีคนจมน้ำเสียชีวิต 18 ศพ รวมถึงเด็ก 6 ศพในวันนี้ หลังเรืออพยพลำหนึ่งอัปปางที่นอกชายฝั่งของเมืองดิกิลิส ทางตะวันตกของประเทศ หน่วยดูแลชายฝั่งสามารถช่วยชีวิตผู้อพยพได้ 21 คน รวมถึงเด็กวัย 1 ขวบรายหนึ่ง มีผู้สูญหาย 2 คน สำหรับสาเหตุการอัปปางคาดว่าคลื่นทะเลเชี่ยวกรากและการบรรทุกเกินกำหนด องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน(ไอโอเอ็ม)ระบุว่าตัวเลขผู้อพยพที่เดินทางเข้ายุโรปโดยทางบกและทางทะเลเกิน 1 ล้านคนแล้วในปีนี้ และอีกราว 3,700 คนจมน้ำเสียชีวิตหรือสูญหาย ในจำนวนผู้อพยพทั้งหมดนั้น ราว 500,000 คนหนีสงครามกลางเมืองในซีเรียในปีนี้ ข้ามแดนไปยังตุรกี ก่อนจะแล่นเรือข้ามทะเลไปยังกรีซ จุดแวะพักแห่งแรกในยุโรป ก่อนจะเดินทางมุ่งหน้าต่อไปทางตอนกลางและตอนเหนือของทวีปยุโรปต่อไป
+++สันติภาพซีเรีย สำนักข่าวซานาของทางการซีเรียรายงานอ้างนายวาลิด อัลโมอัลเล็ม รองนายกรัฐมนตรีซีเรียว่า รัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาดของซีเรียยินดีจะเข้าร่วมการพูดคุยสันติภาพกับฝ่ายต่อต้านในนครเจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ในช่วงปลายเดือนหน้า เพื่อยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมาหลายปี ระบุว่ารัฐบาลพร้อมจะพูดคุยสันติภาพในหมู่ชาวซีเรียด้วยกันเอง โดยปราศจากการแทรกแซงจากต่างชาติ สงครามกลางเมืองในซีเรียเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2554 หลังเกิดเหตุประท้วงในซีเรีย สืบเนื่องจากกระแสตื่นตัวทางการเมืองในหลายประเทศเผด็จการในแอฟริกาและตะวันออกกลาง แต่ถูกรัฐบาลซีเรียปราบปรามอย่างรุนแรง มีคนเสียชีวิตแล้วกว่า 300,000 ศพ คนอีกกว่า 4 ล้านคนหนีออกนอกประเทศ ส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปยังยุโรป
+++ราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังพบสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯลดลงอย่างน่าประหลาดใจสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ ปิดที่ 38.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ ปิดที่ 37.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++กระทรวงพลังงานสหรัฐฯเผยแพร่รายงานในวันพุธ(23ธ.ค.) ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลงถึง 5.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ธันวาคม
+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพฤหัสบดีปิดลดลง โดยนักลงทุนจำนวนมากชะลอตัวซื้อขาย หลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส ดาวโจนส์ ลดลง 50.44 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,552.17 จุด ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี(24ธ.ค.) ขยับขึ้นพอสมควร หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในการซื้อขายเพียงครึ่งวันก่อนหน้าวันคริสต์มาส โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 7.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,075.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
++++กลุ่มชายโสดไร้คู่ชาวญี่ปุ่นประท้วงเทศกาลคริสต์มาส โดยอ้างว่าเป็นเทศกาลทุนนิยม ขณะที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งติดป้ายประกาศ “ไม่ต้อนรับลูกค้าคู่รัก” ในคืนวันคริสต์มาส กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “คนขี้แพ้เรื่องผู้หญิง” เดินขบวนในย่านการค้าชิบุยะกรุงโตเกียว พร้อมชูป้ายข้อความ “บดขยี้เทศกาลคริสต์มาส” โดยอ้างว่าคริสต์มาสเป็นเทศกาลแห่งทุนนิยม และเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคนโสดที่ไร้คู่ สมาชิกกลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นชายโสดที่ไม่ประสบความสำเร็จด้านความรัก อ้างว่าเทศกาลคริสต์มาสสะท้อนถึงความรักที่แลกมาด้วยเงินตรา และได้กลายเป็นเทศกาลเพื่อการค้าไปแล้ว โดยกลุ่มดังกล่าวเคยประท้วงเทศกาลวันวาเลนไทน์มาแล้วเช่นเดียวกัน ร้านสปาเก็ตตี PiaPia ในเขตฮาชิโอจิ ชานกรุงโตเกียว ปิดป้ายประกาศที่หน้าร้านมีข้อความว่า “เนื่องจากจะเป็นการทำร้ายจิตใจของพนักงานอย่างรุนแรง ทางร้านจะขอปฏิเสธที่จะต้อนรับลูกค้าคู่รักในคืนวันที่ 24 ธันวาคม”ป้ายประกาศดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นเจตนารมย์จริงของทางร้าน หรือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด แต่ก็สามารถเรียกความสนใจจากชาวญี่ปุ่นในโลกออนไลน์ได้ไม่น้อย