*สพฉ.พร้อมทีมสหสาขาวิชาชีพ พร้อมดูแล-เคลื่อนย้ายผู้ประสบเหตุช่วง 7 วันอันตราย*

นับถอยหลังเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เตรียมพร้อมรับมือภัยฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 นายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร  เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมทางด้านการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อรองรับหรือให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นช่วง 7 วันอันตรายระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2558 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2559 ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนา ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงกว่าช่วงปกติถึง 2 เท่าตัวว่า การเตรียมพร้อมเพื่อรักษาชีวิตผู้ประสบอุบัติเหตุ จำเป็นที่จะต้องสร้างฐานความรู้ให้กับทุกฝ่าย ตั้งแต่วิธีปฐมพยาบาล การคัดกรองผู้ป่วยเพื่อนำส่งสถานพยาบาลที่เหมาะสม การประสานโรงพยาบาลเครือข่าย เพื่อกระจายผู้ป่วย การรักษาร่วมกันโดยทีมสหสาขาวิชาชีพเพื่อฟื้นฟู สภาพผู้ป่วยให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ขณะที่การนำส่ง ผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว และปลอดภัย ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะการรักษาผู้ป่วยที่เกิดอุบัติเหตุให้ทันท่วงทีนั้นมีความจำเป็นมาก ซึ่งหน่วยเวชศาสตร์ของโรงพยาบาลต่างๆ ได้เตรียมความพร้อมในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤติตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้รถฉุกเฉินที่มีอุปกรณ์ครบครันและสามารถให้การรักษาควบคู่ไปกับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์การแพทย์ฉุกเฉินที่สามารถเข้าไปรับตัวผู้ป่วยฉุกเฉินที่อยู่ในเขตชนบทที่ยากต่อการเข้าถึง ห้องอภิบาลหัวใจเคลื่อนที่ รถจักรยานยนต์ฉุกเฉิน และเรือสปีดโบ๊ต นอกจากอุบัติเหตุแล้ว ยังมีการเจ็บป่วยฉุกเฉินที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจากโรคประจำตัว ซึ่งสถิติอันดับ1ของการขอความช่วยเหลือ คือ โรคหัวใจ ที่ต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถเฉพาะด้าน และมีประสบการณ์ในการประเมินภาวะของผู้ป่วยนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เตรียมรับมือกับสถานการณ์ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  โดยได้ประสานไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการทางการแพทย์ฉุกเฉินทั่วประเทศ ทั้ง 78 ศูนย์ ให้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ 1669 ระบบโทรสาร ระบบสารสนเทศ หรือ วิทยุสื่อสาร ให้พร้อมใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งประสาน ให้มีการตรวจเช็คความพร้อมการออกปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ป่วยใน จุดเกิดเหตุของทุกชุดปฏิบัติการฉุกเฉิน รวมทั้งชุดปฏิบัติการฉุกเฉินในสังกัดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและมูลนิธิ ทั้งสิ้นกว่า 7,000 แห่ง  เพื่อออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลืออย่างครอบคลุมและทันต่อสถานการณ์ เช่นเดียวกับการเตรียมเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง รายงานสถานการณ์ และประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร