*รองนายกฯศก.แถลงผลงาน1ปี ฟื้นฟูความเชื่อมั่นดัน 14โครงการพื้นฐานกระตุ้นศก.*

การแถลงนโยบายของรัฐบาลทางด้านเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ ประสบกับปัญหา 2 ประการ คือ ภาวะเศรษฐกิจอ่อนกำลัง เป็นเพราะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำอย่างไม่เคยประสบมาก่อนทั้งข้าวและยาง ซึ่งประชากรไทยกว่า 20 ล้านคนเป็นเกษตรกร ดังนั้นเมื่อราคาเกษตรต่ำกำลังซื้อ เศรษฐกิจโลกไม่ดี การส่งออกน้อยลง ภาวะที่คนไทยขาดความเชื่อมั่นด้วยผลพวงจากความไม่มีเสถียรภาพ  และปัญหาเชิงโครงสร้างเริ่มไม่สมดุลเพราะการเติบโตที่ผ่านมาไม่ได้ลงสู่ฐานรากอย่างแท้จริง แต่เป็นการเติบโตเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม ส่งผลให้เศรษฐกิจต้องพึ่งการส่งออกจนเกินพอดี มากกว่า ร้อยละ70  ของจีดีพี รวมไปถึงบางครั้งการแข่งขันในทางการเมืองทำในแนวนโยบายส่งเสริมเพียงระยะสั้น ไม่สานต่อในเชิงนโยบาย การเมืองของประเทศไทยทำให้หลายฝ่ายไม่สามารถทำงานอย่างสร้างสรรค์

ดังนั้น รัฐบาล จึงหาวิธีในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับคืนมา โดยเริ่มจากความชัดเจนในการทำงาน ความมุ่งมั่นอย่างจริงจังให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจช่วยเหลือเกษตรกร ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ  เอสเอ็มอี ที่ย่ำแย่ มิเช่นนั้นจะเกิดช่องโหว่มหาศาล ซึ่งยืนยันว่าสิ่งที่ได้ดำเนินการไม่ใช่ประชานิยม แต่เพื่อช่วยเหลือประชาชน เพื่อความเป็นประชารัฐ ซึ่งจากการเข้ามาทำงานดัชนีความเชื่อมั่นและจีดีพีเติบโตขึ้น  นายสมคิด กล่าวด้วยว่า จะใช้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วย ซึ่งที่ผ่านมาไทยเจอปัญหา ไอยูยู เอียซ่า ซึ่งถือว่าต้องยอมรับความผิดพลาด จึงจำเป็นต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 14 โครงการ ให้เกิดขึ้นภายในปี 2559 อาทิ การสร้างรถไฟเชื่อมต่อระหว่างประเทศ โครงสร้างดิจิตอลอีโคโนมีที่จะเน้นในเรื่องของธุรกิจ การศึกษา แต่ในทุกโครงการจะต้องมีความมั่นใจว่ามีเงินหมุนเวียน ใช้งบประมาณขาดดุล

สำหรับในปีหน้า นายสมคิดกล่าวว่า ปีหน้าจะได้เห็นE-Payment ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซุปเปอร์โฮลดิ้ง หรือ การจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ  ซึ่งไม่สามารถสัญญาว่าจะทำงานได้สำเร็จลุล่วง แต่จะทำงานอย่างเต็มที่ อย่างซื่อสัตย์สุจริต เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ขอขอบคุณภาคเอกชน ที่จะช่วยกัน หมดเวลาที่การเมืองจะมาชิงไหวพริบ เพราะถือเป็นนาทีสำคัญ หากช่วยกันไทยจะกลับมาผงาดเป็นเสืออีกครั้ง ซึ่งในปี 2559 งบประมานแผ่นดินจะยังขาดดุล 390,000 ล้านบาท จะคาดว่างบประมานจะสมดุลในปี2565