เมืองไทยฯ(1):ครม.ประชุมของขวัญปีใหม่/คลังเสนอแนวทางแก้หนี้ครู/ไทยซื้อไฟฟ้าจากลาว*

22 ธันวาคม 2558, 07:46น.


วันนี้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งกระทรวงต่างๆ จะนำเสนอแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ อาทิ กระทรวงมหาดไทย เสนอโครงการพิเศษ 16 กิจกรรม



ส่วนกระทรวงการคลังจะเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ โดยมีมาตรการสำคัญ คือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้กับครูที่สนใจเข้าร่วมโครงการ พร้อมทั้งประสานสหกรณ์ให้แลกเปลี่ยนข้อมูลลูกหนี้ระหว่างธนาคารกับสหกรณ์ เพื่อตรวจสอบสถานะความเป็นหนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหามีความชัดเจน



เมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีการรับทราบความก้าวหน้าของการปรับระบบพลังงานให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม รวมถึงแหล่งพลังงาน และประเภทพลังงานที่จะต้องวางแผนสำหรับอนาคต 20 ปีข้างหน้า



ด้านพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมอนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) รับซื้อไฟฟ้าโครงการน้ำเทิน 1 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไทยและลาว เป็นโครงการอันดับที่ 10 ที่ไทยซื้อไฟฟ้าจากลาว ขนาดกำลังการผลิต 650 เมกะวัตต์ แบ่งขายให้ไทยจำนวน 520 เมกะวัตต์ ที่เหลือ 130 เมกะวัตต์ขายไฟฟ้าในลาวเอง คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟได้ในปี 2565 หลังจากนี้จะเสนอร่างบันทึกความเข้าใจส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วนำกลับมาเสนอ กพช.อีกครั้ง และที่ประชุม กพช.ยังอนุมัติแนวทางการขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นหน่วยงานหลักในการขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน



ส่วนในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมเช่นกันนั้น



นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมอนุมัติเงินจำนวน 204 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ให้ภาคเอกชนที่ซื้อข้าวเก็บสต็อกไว้ 3-6 เดือน เพื่อเป็นมาตรการรับมือปริมาณข้าวเปลือกเจ้านาปีที่จะออกสู่ตลาดอีก 4 ล้าน 6 แสน 4 หมื่นตันในช่วงเดือนธันวาคมนี้ เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังเห็นชอบแผนการผลิตและทำตลาดข้าว โดยความร่วมมือของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้ชาวนาผลิตข้าวที่มีคุณภาพดีขึ้น



ด้านพล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กำลังมีการหารือกับผู้ประกอบการที่ชนะการประมูลข้าวเสีย 37,400 ตันเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม และจะลงพื้นที่ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามการนำข้าวไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยและไฟฟ้า



พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าการแถลงผลงานของรัฐบาลจะลดจำนวนวันลงจากเดิมกำหนดไว้ 3 วัน คือวันที่ 23-25 ธันวาคม แต่จะให้เหลือเพียง 1 วันคือวันที่ 23 ธันวาคม ที่ตึกสันติไมตรี เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อ และสร้างความเบื่อหน่ายให้แก่ประชาชน โดยในเวลา 08.30 น. นายกฯ จะกล่าวเปิดงานทั้ง 6 กลุ่มงาน จากนั้นจะให้รองนายกฯ แต่ละกลุ่มงานชี้แจงผลงานคนละ 20 นาที จากนั้นในช่วงบ่ายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานเปิดนิทรรศการผลงานรัฐบาล หน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะมีการจัดแสดงไปตามกำหนดการเดิมคือตั้งแต่วันที่ 23-25 ธันวาคม แต่นายกฯ มอบให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงแถลงผลงานเพิ่มเติมผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 58-13 มกราคม 59



นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า กรธ.รับฟังทุกความคิดเห็น โดยรื่องที่มีความสำคัญก็จะสอบถามประชาชนเพื่อให้เกิดการยอมรับแล้วนำผลที่ได้มาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งสามารถอธิบายต่อสังคมได้ ส่วนการที่มีพรรคการเมืองเคลื่อนไหวนั้น ยอมรับว่าจะมีส่วนที่ทำให้ประชาชนไปลงคะแนนด้วยความอคติบางประการที่นักการเมืองไปใส่เอาไว้ แต่สุดท้ายแล้วเชื่อว่า กรธ.จะสามารถชี้แจงเจตนารมณ์ต่าง ๆ ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจได้ โดยจะมีการประชุมนอกสถานที่ในวันที่ 11-17 มกราคม 2559 ที่อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยร่างแรกจะเสร็จสิ้นในวันที่ 29 มกราคม 2559 จากนั้นจะส่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง สปท.  คสช. ครม. ได้พิจารณาและส่งกลับมาให้ กรธ.ปรับแก้ไขอีกครั้ง



โดยในวันนี้ การประชุม กรธ. จะพิจารณาในประเด็นที่มาของส.ว. ต่อจากเมื่อวานนี้ โดยในประเด็นคุณสมบัติของผู้สมัครส.ว. นั้น กรธ. ให้ความสำคัญต่อการที่ส.ว. ต้องไม่อยู่ภายใต้อาณัติของพรรคการเมือง จึงต้องพิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้อง



ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เตรียมพิจารณาแผนการปฏิรูปประเทศเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา เศรษฐกิจ พลังงาน ก่อนส่งให้คณะรัฐมนตรีนำไปปฏิบัติต่อไป



ส่วนการแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานในการทำประมง ซึ่งมีการรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ พล.ต.สรรเสริญ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ตามข่าวที่ระบุว่า แทบไม่มีการจับกุมดำเนินคดีขบวนการค้ามนุษย์นั้นไม่เป็นความจริง ทั้งการกล่าวถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รับสินบนมักไม่ถูกดำเนินคดี ก็ผิดจากข้อเท็จจริง ซึ่งการเขียนรายงานโดยการเล่าถึงคู่สามีภรรยาชาวเมียนมา ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นภาพรวมของประเทศไทย เพราะประเทศไทยดูแลแรงงานย้ายถิ่นร่วม 3 ล้านคน  ซึ่งตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏก็คือ ในคดีค้ามนุษย์ มีทั้งข้าราชการท้องถิ่น ข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำทั้งทหาร ตำรวจหลายนาย โดนลงโทษทั้งทางวินัยและถูกดำเนินคดีทางอาญา ส่วนในภาพที่แรงงานนั่งแกะกุ้งแล้วมีเด็กนั่งรวมอยู่ด้วย ต้องชี้แจงว่านั่นคือวิถีชีวิตของคนเอเชีย ที่พาลูกมาทำงานด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นแรงงาน อย่างไรก็ตาม ต่อไปเราจะไม่สามารถนำเรื่องวิถีชีวิตมาอ้าง แต่จะต้องทำตามกฎหมายแรงงาน ด้วยการจัดสัดส่วนให้เด็ก ซึ่งทางโรงงานงานส่วนใหญ่ก็ตอบรับนโยบายนี้แล้ว



 



*-*

ข่าวทั้งหมด

X