ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยืนยันว่า การเดินทางมาเยือนของนายกรัฐมนตรี ฮุนเซ็น ของประเทศกัมพูชา ไม่มีการหารือเรื่องพลังงานในพื้นที่ทับซ้อน แต่มีการขอความร่วมมือในการใช้น้ำจากเขื่อนสตรึงงำ ที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคตะวันออกของกัมพูชาเท่านั้นส่วนนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น จะออกมาเคลื่อนไหวตอนที่นายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ของประเทศกัมพูชา เดินทางมาประเทศไทย แต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปเฝ้าบริเวณรอบบ้านนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การที่แขกบ้านแขกเมืองมาประชุมอย่างเป็นทางการ ไม่สมควรออกมา แต่ถึงแม้ทางเจ้าหน้าที่ทหารไปล้อมบ้านก็ยังหลบหนีออกมาได้เลย และจะมาเรียกร้องอะไร นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ส่วนตัวเป็นผู้คนคนไปเจรจาขอให้ถูกปล่อยตัวออกมาจากการควบคุมตัวของทางการกัมพูชาโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย แต่กลับออกมาพูดว่า มีการคุยว่ามีการต่อรองพื้นที่ทับซ้อน มาพูดอย่างนี้น่าจะปล่อยให้เน่าตายอยู่ที่ในโน่น
สำหรับผลการประชุม ได้มีการรายงานถึงความคืบหน้าสถานการณ์น้ำมันโลกและเศรษฐกิจที่ผันผวน ซึ่งไทยจะต้องเตรียมการรับมือกับเศรษฐกิจโลกโดยจะต้องแยกประเภทการใช้พลังงาน ทั้งในส่วนของบ้าน โรงงาน ธุรกิจ และอุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องวางแผนล่วงหน้าไว้ 20 ปี ส่วนการส่งเสริมพลังงานทดแทน หรือ AEDP และระบบ FIT:Feed-in ที่ต่างกันจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอุทธรณ์และเสนอเรื่องเข้ามาที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติตามขั้นตอน ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาด้านข้อกฎหมายที่มีใบอนุญาตสร้างโรงไฟฟ้าโดยไม่มีระบบสายส่ง และบางส่วนสร้างโดยไม่มีใบอนุญาตเพราะคาดว่าเศรษฐกิจจะมีการขยายตัวและมีการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก แต่เมื่อราคาน้ำมันลดลงทำให้เกิดปัญหา รวมถึงปัญหาข้อกฎหมายที่สร้างในที่สถานราชการซึ่งเป็นที่ราชพัสดุที่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์เฉพาะหน่วยงาน แต่ไม่สามารถทำประโยชน์ในด้านอื่นจึงจำเป็นต้องพิจารณาข้อกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ร่วมทุน