*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.35น.
+++พระโสภณคณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กล่าวหลังตรวจความพร้อมของวิหารเก๋ง ในการจัดสถานที่ประดิษฐานพระสรีรางคารของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ว่า สำหรับพระอัฐิ และพระสรีรางคารภายหลังจากเสร็จพิธีบำเพ็ญพระกุศลฉลองพระอัฐิในวันที่ 19 ธันวาคมแล้ว วันที่ 20 ธันวาคม จะมีพิธีอัญเชิญพระเจดีย์บรรจุพระอัฐิไปประดิษฐาน ณ ตำหนักเดิม ซึ่งวัดได้จัดเตรียมสถานที่ไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนพระสรีรางคารจะอัญเชิญไปบรรจุที่ใต้ฐานพระพุทธชินสีห์จำลอง ณ พระวิหารเก๋ง ซึ่งพระพุทธชินสีห์จำลององค์นี้ สมเด็จพระสังฆราชทรงหล่อขึ้นในโอกาสเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา และน่าจะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระสรีรังคารต่อเนื่องไปอีกระยะ
+++หลังจากนั้นจะเปิดให้ประชาชนสักการะพระอัฐิ และพระสรีรางคารได้เฉพาะในโอกาสพิเศษเท่านั้น อาทิ วันทำบุญอดีตเจ้าอาวาส (วันที่ 2 สิงหาคมของทุกปี) และวันครบรอบวันสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสังฆราช (วันที่ 24 ตุลาคมของทุกปี ด้านสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ได้นำพระพุทธรูปไม้แก่นจันทน์หอม ปางรำพึง ขนาด 10 นิ้ว ซึ่งเป็นพระพุทธชนมวาร (พระประจำวันเกิด) ของสมเด็จพระสังฆราช มาถวายให้ต่อหน้าพระอัฐิ ซึ่งทางวัดเตรียมจะนำไปประดิษฐานในพิพิธภัณฑ์ และห้องสมุดเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารต่อไป ซึ่งได้เตรียมจัดทำห้องสำหรับจัดแสดงเรื่องราวของสมเด็จพระสังฆราชต่อไป
+++ผลการหารือ ระหว่างไทย-กัมพูชา พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า เพื่อทรงเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ การก่อสร้างสถาบันเทคโนโลยีพระราชทานที่จังหวัดกัมปงสปือและเยี่ยมชมโครงการพระราชทานของพระองค์ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขและวิชาการพระราชทานความช่วยเหลือในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ของกัมพูชาตลอดระยะเวลาผ่านมา ด้านแรงงาน ไทยและกัมพูชายืนยันที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและต่อต้านกระบวนการค้ามนุษย์ โดยจะเร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานถูกกฎหมาย เพื่อให้แรงงานกัมพูชาได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายไทยโดยสมบูรณ์ ด้านพลังงาน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้กล่าวขอบคุณไทยที่ให้ไฟฟ้าให้กับกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ระไฟฟ้ายังเข้าไปไม่ถึง ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีก็ขอให้กัมพูชาพิจารณาแบ่งปันทรัพยากรน้ำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงด้านพลังงานของทั้งสองประเทศ
+++นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ยอมรับมีแนวคิดที่จะปฏิรูปการทำงานขององค์กรปราบปรามการทุจริต โดยเฉพาะ ป.ป.ช. ที่อาจจะยกเลิกกรรมการ ป.ป.ช.จังหวัด เพื่อไม่ให้ถูกครอบงำจากนักการเมือง และให้ ป.ป.ช.กลางทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ส่วนการทำงานของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ให้ขึ้นกับนายกรัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่า ยังมีความเป็นอิสระ สามารถทำงานร่วมกับ ป.ป.ช. ได้ แม้นายกรัฐมนตรีจะไม่ให้ความร่วมมือก็ตาม ขณะที่การดำเนินคดีทุจริตกับนักการเมือง รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะกำหนดให้ศาลต้องพิจารณาคดีให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี เพื่อเป็นการบังคับ ป.ป.ช.ให้เร่งดำเนินการไต่สวน ไม่ปล่อยให้ล่าช้า
+++ศาลเลื่อนนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-2 จากคำสั่งศอฉ.ให้เจ้าหน้าที่เข้าขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณ ถ.ราชดำเนิน และแยกราชประสงค์ จากกลุ่ม นปช. ที่ชุมนุมตั้งแต่เดือน เม.ย.- 19 พ.ค.53 ทำให้มีผู้เสียชีวิต เมื่อถึงเวลานัดนายอภิสิทธิ์ พร้อมทนายความเดินทางมาศาล ส่วนนายสุเทพไม่ได้มารับตามกำหนด จึงถือว่าจำเลยที่ 2 ไม่ทราบนัดโดยชอบตามกฎหมาย จึงไม่อาจอ่านคำสั่งได้ในวันนี้ จึงนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์อีกครั้งวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 09.00น. พร้อมให้แจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 2 ทราบ หากไม่มีผู้รับให้ปิดหมาย และกำชับให้จำเลยทั้งสองมาศาลหากไม่มาศาลจะสั่งตามที่เห็นสมควร
+++ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความของผู้ต้องหาคดีขอนแก่นโมเดล กล่าวว่า ในวันนี้ศาลทหารกรุงเทพได้อนุญาตฝากขัง จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ นายณัฐพล ณ วรรณ์เล นายวัลลภ บุญจันทร์ นายพาหิรัณ กองคำ และนายฉัตรชัย ศรีวงษา ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีความผิดในข้อหาหมิ่นสถาบันหลังทนายความได้สอบข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนให้การปฏิเสธ ยืนยันว่าไม่ได้มีการสารภาพตามที่เป็นข่าวออกมา ว่าเตรียมก่อเหตุสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในกิจกรรมสำคัญ ซึ่งถือเป็นการใส่ร้าย แต่มี 1 ใน 4 คนนั้น ยอมรับว่ามีการส่งข้อความที่อาจเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง นอกจากนี้ทนายความได้แจ้งต่อศาลทหารให้ทราบถึงข้อขัดข้องว่า ถูกกีดกันไม่ให้เข้าพบ และถูกเจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสม วันนี้ศาลทหารฯ จึงได้ออกข้อกำหนดให้ทนายความสามารถเข้าพบผู้ต้องหาได้
++++การประมูลคลื่น 900 MHz ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หลังจากเริ่มต้นประมูลรอบแรกเมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. 2558 ล่าสุดการเคาะราคาประมูลรวม 2 ใบอนุญาตทะลุแสนล้านบาท ล่าสุดการประมูล รอบที่ 190 สิ้นสุดเมื่อเวลา 18.15 น. วันนี้ (18 ธ.ค.2558) ใบอนุญาตแรก มีผู้เสนอราคาเพิ่ม 1 ราย ทำให้ราคาขึ้นอยู่ที่ 73,078 ล้านบาทใบอนุญาตที่ 2 ไม่มีผู้เสนอราคาเพิ่ม ทำให้ราคาขึ้นไปอยู่ที่ 74,688 ล้านบาท รวม 2 ใบอนุญาต มีรายได้เข้ารัฐแล้ว 147,766 ล้านบาท
+++นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. กล่าวว่า จากการศึกษาการประมูลคลื่น 900MHz ใน 100 ประเทศทั่วโลก ราคาประมูลคลื่นที่ฮ่องกงเมื่อปี 2554 มีราคาสูงสุด เทียบแล้วคือ 68,099 ล้านบาท ดังนั้นเท่ากับว่าราคาประมูลของไทยในขณะนี้ แซงหน้าราคาคลื่นของฮ่องกงไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เพราะไทยมีคลื่น 900MHz น้อยเพียง 20MHz และจะไม่มีมาออกประมูลอีก 15 ปี ทั้งนี้มีการประเมินว่าราคาสูงสุดของคลื่นน่าจะไปได้ถึง 75,000-80,000 ล้านบาท แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะจบก่อน เพราะบางรายจะสู้ต่อไม่ไหว
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,284.92 จุด ลดลง 25.42 จุดมูลค่าการซื้อขาย 41,247.84 ล้านบาทตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงเช่นเดียวกับกับตลาดในยุโรปที่ติดลบเมื่อเปิดทำการวันนี้ เป็นผล จากการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน ส่วนหุ้นในกลุ่ม ICT ก็เจอแรงกดดันจากการประมูล 4G คลื่น 900 MHz ที่ยังไม่ยุติ หลังจากเข้ามาถึงวันที่ 4 แล้ว
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงพลิกกลับมาปิดปรับตัวลงในวันนี้ ตามตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนยังคงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก ลดลง 116.50 จุด หรือ 0.53% ปิดวันนี้ที่ 21,755.56 จุด
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงอย่างหนัก หลังการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) สิ้นสุดลง โดยร่วงลง 366.76 จุด หรือ 1.90% แตะที่ 18,986.80 จุด
+++กรณีมีผู้ประสบอุบัติเหตุตกฝาท่อระบายน้ำแบบตะแกรงชำรุด จนทำให้ได้รับบาดเจ็บ เป็นแผลลึกขนาดใหญ่ที่ขาข้างขวา บริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเรื่องนี้มาก แต่ระเบียบราชการยังไม่มีข้อกำหนดให้สามารถมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาใดๆ ได้ ซึ่งกทม.ก็ต้องยึดระเบียบราชการเหมือนหน่วยงานอื่นๆ หากจ่ายเงินนอกเหนือกฎหมายที่มี ก็จะผิดระเบียบทางราชการ หากจะมีเรียกร้องใดๆ ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ด้านนายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ รองปลัดกทม. กล่าวว่า ฝาท่อแบบตะแกรงเหล็ก เป็นฝาท่อแบบเก่า มีอายุการใช้งานมานานกว่า 10 ปี ขณะนั้นจัดทำขึ้นเพื่อให้น้ำจากฝนตก ระบายลงท่อได้เร็วขึ้น แต่ปัจจุบันเป็นอุปสรรคต่อผู้ใช้จักรยานและมีความไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีสภาพชำรุดเสียหาย กทม.จึงได้ทยอยเปลี่ยนเป็นฝาท่อแบบใหม่แล้วทั่วกรุงเทพฯ ลักษณะเป็นทรงกลมและทึบ และบางส่วนจะเป็นตะแกรงแนวขวาง
+++พ.ต.ท.ถนอมชล สังเกิด สว.จร.สน.ลำผักชี ได้เปิดเผยว่า โครงการ"ล้างใบสั่ง 100 ราคาเดียว" เป็นโครงการที่จัดขึ้นในพื้นที่ สน.ลำผักชี สำหรับหลักเกณฑ์ต้องเป็นใบสั่งประจำปี 2558 ที่ค้างอยู่ที่ สน.ลำผักชี ประมาณ 2,000 ใบ ในแต่ละฐานความผิดที่แตกต่างกันไป โดยให้ปรับในราคาต่ำสุด เช่น บทกำหนดโทษให้ปรับขั้นต่ำตั้งแต่ 100-1,000 บาท ก็ให้ปรับต่ำสุด คือ 100 บาท แต่ยกเว้นฐานความผิดนโยบาย เช่น จอดรถกีดขวาง จอดรถตามป้ายรถเมล์ ข้อหาเหล่านี้ลดไม่ได้ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 15 ธ.ค. 58 - 15 ม.ค. 59
+++กรณีสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า นายจอร์แดน อายุ 21 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ อ้างว่ามีคนกักตัวและข่มขู่ที่เกาะพีพี ซึ่งขณะนี้เจอตัวแล้ว เรื่องดังกล่าว พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวรายนี้ไม่อยากกลับบ้าน จึงอ้างว่าถูกข่มขูและกักตัวอยู่เกาะพีพี ซึ่งเรื่องนี้สร้างความสบสนให้กับสังคม อาจจะทำให้คนอื่นมองประเทศไทยมองแง่ร้าย แต่ท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็มีความกระจ่างแล้ว ส่วนจะเอาผิดหรือส่งกลับประเทศหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับกฎหมาย ซึ่งต้องดำเนินการอยู่แล้ว ย้ำประเทศไทยยังน่าอยู่เหมือนเดิม
++ชาวมุสลิมในฝรั่งเศสยื่นฟ้องต่อศาลว่า รัฐบาลกระทำผิดกฎหมายกรณีบุกตรวจค้นบ้านเรือนภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ประกาศใช้หลังเกิดเหตุก่อการร้ายกรุงปารีสเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ทนายความอิสระ 6 คนเผยว่า ได้ยื่นร้องเรียนต่อศาลอย่างน้อย 20 คำร้องและเตรียมจะยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินและค่าทำขวัญ จนถึงขณะนี้ศาลได้ยกฟ้องไปแล้ว 6 คดี ด้านองค์กรประมาณ 100 แห่งเรียกร้องรัฐบาลยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยให้เหตุผลว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุที่ไม่ตอบสนองต่อภัยก่อการร้าย
+++อินเดียลดประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2558/2559 ลงจากร้อยละ 8.1-8.5 เหลือร้อยละ 7.0-7.5 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซากระทบต่อการส่งออกของประเทศ นอกจากนี้ภาวะแห้งแล้งติดต่อกัน 4 ปียังทำลายพืชผลทางการเกษตรซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวอินเดียกว่าครึ่งจากประชากรทั้งหมด 1,200 ล้านคน