*นายกฯ- มนตรีแห่งรัฐจีน หารือสานสัมพันธ์ทุกมิติ คาดสิ้นปีการค้าสูงถึง 7หมื่นล้านเหรียญฯ*

17 ธันวาคม 2558, 18:29น.


ผลการหารือร่วมกันระหว่าง นายหวัง หย่ง (H.E. Mr. Wang Yong) มนตรีแห่งรัฐจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มนตรีแห่งรัฐจีน เดินทางเยือนไทยเพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้าการลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย – จีน (JC) ครั้งที่ 4 หวังว่า ผลการประชุมจะช่วยส่งเสริมและผลักดัน ด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่าย ยืนยันความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน และยินดีอย่างยิ่งที่ปีนี้ครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน แต่ในความจริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างไทย - จีนมีมาตั้งแต่อดีตกาล เป็นความสัมพันธ์ดั่งญาติมิตร ซึ่งในปีนี้นับเป็นปีที่ผลสำเร็จรอบด้าน ไทยและจีนมีความร่วมมือระหว่างกันในหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน วัฒนธรรม และสาธารณสุข ยินดีที่ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และวิชาการของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีหวังให้จีน ช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม รวมถึงให้มีการตั้งกลไกการประสานเพื่อแก้ไขปัญหาทางการค้าและการลงทุนที่เป็นรูปธรรมเร่งรัดการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยความร่วมมือสินค้าเกษตร โดยเร็ว ซึ่งมนตรีแห่งรัฐจีนยินดีให้การสนับสนุน พร้อมกล่าวว่าเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ได้มีการลงนามกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนว่าด้วยความกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 และลงนามซื้อขายข้าวและยางพารา โดยเป็นข้าว 1 ล้านตัน และยางพารา 2 แสนตัน ด้านการค้า นายกรัฐมนตรีหวังให้การค้าสองฝ่ายขยายตัวเป็นสองเท่าของตัวเลขการค้าในปัจจุบัน และตั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวน 10 ล้านคนในปีหน้า ซึ่งมนตรีแห่งรัฐจีนกล่าวว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายมีมากถึง 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่า ภายในสิ้นปีนี้มูลค่าการค้าจะสูงถึง 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 



สำหรับความร่วมมือด้านรถไฟ นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงของไทยในการดำเนินโครงการความร่วมมือด้านรถไฟ ซึ่งความร่วมมือด้านรถไฟมีความสำคัญในภูมิภาคที่ไทยกับจีนจะได้ประโยชน์ร่วมกัน และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถหาข้อสรุปรวมกันในประเด็นที่ยังค้างคาอยู่โดยเร็ว ซึ่งนอกจากการส่งเสริมความเชื่อมโยงทางระบบราง ไทยกับจีนควรร่วมมือกันส่งเสริมความเชื่อมโยงอื่นๆ ในภูมิภาคด้วย เช่น เส้นทางถนน การขนส่งทางน้ำ และอากาศ 

นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ไทยกับจีน ยังมีศักยภาพที่จะร่วมมือกันในการพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของไทยได้อีกมาก จึงประสงค์จะเชิญชวนจีนเข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจภาคใต้ของไทย ซึ่งมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง โดยเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญของทั้งผลไม้ ยางพารา และอาหารฮาลาลที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทั้งนี้ ความสำเร็จในการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจในภาคใต้จะนำไปสู่การพัฒนาระบบรางมาตรฐานเชื่อมต่อจากกรุงเทพฯ ลงไปยังภาคใต้ 

นอกจากนี้ มนตรีแห่งรัฐจีนแสดงความชื่นชมบทบาทของไทยในฐานะผู้ประสานงานจีน-อาเซียน ที่ช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอาเซียนให้คืบหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างรอบด้านและยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนประสบความสำเร็จ และชื่นชมความมุ่งมั่นของจีนที่ร่วมมือกับประเทศลุ่มน้ำโขงเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งรวมถึงความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันด้วย



CR:ทำเนียบรัฐบาล 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X