ปัญหาเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนน ยังเป็นปัญหาระดับชาติที่ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล ทำให้มีผู้เสียชีวิตปีละประมาณ 14,000 คน และผู้พิการปีละประมาณ 5,000 คน ดร. สุเมธ องกิตติกุล นักวิจัยจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดเผยว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาโดยทั่วไปคือการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้เกิดเป็นวินัยของผู้ใช้รถใช้ถนน แต่ในความเป็นจริงแล้วการบังคับใช้กฎหมาย สามารถปฏิบัติจริงได้บางส่วนเพียงเท่านั้น เนื่องจากกลไกของประเทศไทยไม่เอื้อต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากนัก จึงเห็นว่าควรต้องมีการปรับโครงสร้างเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ดีขึ้น และทุกฝ่ายต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
โดยการเพิ่มบทลงโทษผู้ที่กระทำความผิด ก็ถือเป็นการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ส่วนหนึ่ง แม้ว่าจะมีการถกเถียงกันในสังคมเป็นจำนวนมาก ว่าการเพิ่มบทลงโทษไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้มากนัก แต่ก็ยังสามารถใช้ได้ เช่น การเพิ่มค่าปรับ หากฝ่าฝืนไฟแดง การจับผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย การตรวจจับแอลกอฮอล์ ที่มีการเพิ่มค่าปรับ และเพิ่มโทษจำคุก ทำให้ประชาชนไม่อยากทำความผิด เพราะจะต้องเสียเงินกับค่าปรับเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ดร. สุเมธ ยังกล่าวถึงประเด็นที่สังคมมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมาก คือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และผู้กระทำความผิดเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง เป็นผู้ที่มีอำนาจ มีเงิน หรือเป็นบุตร หลาน ของผู้ที่มีชื่อเสียง หรืออำนาจในประเทศ มักจะได้รับการปล่อยตัว หรือไม่ได้รับโทษทางกฎหมาย จนเกิดคำพูดที่ว่า เจ้าหน้าที่รัฐมี 2 มาตรฐาน ไม่สามารถเอาผิดคนรวยได้ จากการศึกษาในงานวิชาการ คิดว่าปัญหานี้เกิดจากความไม่ชัดเจนในพยานหลักฐาน หากเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนมีการจัดซื้อ จัดหาอุปกรณ์ เทคโนโลยีต่างๆ เช่น กล้องวงจรปิด อุปกรณ์ตรวจจับความเร็ว จะทำให้มีหลักฐานในการเอาผิดชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้ที่มีอำนาจหรือมีเงิน จะไม่สามารถหาช่องทางหลบเลี่ยงความผิดหรือคดีได้ แต่ทุกวันนี้อุปกรณ์ เทคโนโลยีต่างๆ ของประเทศไทยยังไม่มีความพร้อม ทำให้เกิดปัญหา อย่างไรก็ตามในปัจจุบันสื่อสังคม โซเชี่ยลมีเดียก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยจับตาการทำงานของเจ้าหน้าที่ กดดันให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามหาคนร้ายได้ นอกจากนี้ หากสื่อมวลชนมีการติดตามคดี และนำเสนอข่าวอุบัติเหตุที่บุคคลที่มีชื่อเสียงหรือบุตรหลานของบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างใกล้ชิด ก็จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานของภาครัฐได้ เพราะบางกรณีเจ้าหน้าที่ของภาครัฐเองก็ไม่กล้าที่จะดำเนินคดีกับผู้มีอำนาจเหมือนกัน