การใช้ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้ง สนง.ใหญ่ข้ามประเทศ (IHQ) และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (ITC) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังครม.มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีดังกล่าว เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศจัดตั้ง สนง.ใหญ่ข้ามประเทศและบริษัทการค้าระหว่างประเทศในประเทศไทย ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้า การเงิน และการลงทุนของภูมิภาคนั้น นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ และอำนวยความสะดวก ในการติดต่อประสานงานเพื่อให้บริษัทต่างชาติเข้าใจถึงมาตรการภาษีที่รัฐบาลกำหนด เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้มาตั้ง สนง.ใหญ่ในไทย ซึ่งถ้าเปรียบเทียบสิ่งที่จะได้รับกับการยกเว้นภาษีจำนวนหนึ่ง ให้แก่บริษัทต่างชาติจะพบว่ามีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะจะทำให้ประเทศมีตลาดที่กว้างขึ้น และคาดว่าจะจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี
สำหรับมาตรการภาษีเพื่อ IHQ คือ 1.ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 15 ปี สำหรับรายได้จากการให้บริการเงินปันผล ค่าสิทธิ รายได้จากการโอนหุ้นที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ และรายได้จากการซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศ รวมถึงเงินปันผลและดอกเบี้ยที่นิติบุคคลที่อยู่ในต่างประเทศและไม่ได้ประกอบกิจการในไทยได้รับจาก IHQ 2.ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายได้จากการให้บริการวิสาหกิจในเครือในประเทศเหลือ 10% เป็นระยะเวลา 15 ปี 3.ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคนต่างด้าวที่ทำงานใน IHQ เหลือ 15% เป็นระยะเวลา 15 ปี 4.ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับดอกเบี้ยที่ IHQ ได้รับจากธุรกรรมการกู้ยืมในเครือ
ส่วนมาตรการภาษีเพื่อ ITC คือ 1.ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 15 ปี จากรายได้การซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศ รวมถึงเงินปันผลและดอกเบี้ยที่นิติบุคคลที่อยู่ในต่างประเทศและไม่ได้ประกอบกิจการในไทยได้รับจาก ITC 2.ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคนต่างด้าวที่ทำงานใน ITC เหลือ 15% เป็นระยะเวลา 15 ปี