*ทูตอังกฤษ พร้อมแจงการแสดงความเห็นเรื่องเสรีภาพ-ทูตสหรัฐฯไม่กังวลข่าวถูกแจ้งความ*

11 ธันวาคม 2558, 17:02น.


กรณีที่นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย แสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวในประเด็นเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนในประเทศไทย กรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวกลุ่มนักศึกษาที่จะเดินทางโดยรถไฟไปยังอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าเนื้อหาในการแสดงความคิดเห็นผ่านทวิตเตอร์ มีความชัดเจนอยู่แล้ว คงไม่ต้องอธิบายความใดเพิ่มอีก หากกระทรวงการต่างประเทศจะเชิญเข้าไปพูดคุย เป็นการตัดสินใจของทางการไทย ในส่วนตัวพร้อมที่จะพูดคุย



ขณะที่นายกลิน ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่มีผู้แจ้งความให้ดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ของไทย จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่ไม่รู้สึกกังวล เนื่องจากมีงานที่หนักในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มากพออยู่แล้ว ยืนยันจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อไป และส่วนตัวมีความสุขกับการอยู่ในประเทศไทย จึงหวังว่าจะได้ทำงานในไทยต่อไปอีกนาน



นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า การแสดงความเห็นของคณะผู้แทนต่างประเทศที่พำนักในประเทศไทย สะท้อนว่ายังคงมีความเข้าใจที่คาดเคลื่อน กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงและทำความเข้าใจแก่คณะทูตและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำในเรื่องพัฒนาการทางการเมือง ความคืบหน้าในการดำเนินการตามโรดแม็พ การดำเนินการเพื่อการปฏิรูปในมิติต่างๆ รวมถึงแนวนโยบายและมาตรการของรัฐบาลในการแก้ปัญหาสำคัญ เช่น ปัญหาการทุจริต การทำประมงผิดกฎหมาย และการลักลอบค้ามนุษย์ อีกทั้งได้ร่วมกับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ จัดการบรรยายสรุปเพื่อให้คณะทูตานุทูตรวมถึงสาธารณชนได้รับทราบถึงความคืบหน้าของการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด



เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. คณะเอกอัครราชทูตจากสหภาพยุโรป(อียู) ได้เข้าพบนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เพื่อหารือในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ภายใต้บรรยากาศที่เป็นมิตร นายดอน อธิบายถึงสถานการณ์ภายในประเทศ และแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการตามโรดแม็พสู่ประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรม ในขณะที่คณะเอกอัครราชทูตแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับฝ่ายไทย และชื่นชมการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและการใช้แรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างไทยกับอียู และเป็นปัจจัยบ่งบอกว่าคณะเอกอัครราชทูตจากอียูมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยเป็นอย่างดี 

ข่าวทั้งหมด

X