กระแสต่างๆ เกี่ยวกับโครงการอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตผู้บัญชาการทหารบก ยอมรับว่า ส่วนตัวรู้สึกหนักใจกับกระแสกดดันกรณีนี้ซึ่งส่วนตัวเป็นทหารรบมาหลายร้อยสมรภูมิ เจอระเบิดก็ยังไม่หนักเท่านี้ ที่กระทบกับจิตใจยืนยันทำเพื่อคนทั้งประเทศให้ศรัทธา ตอนนี้เงินในมูลนิธิยังเหลืออีก 106 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดกระแสในสังคมก็ไม่กล้านำมาใช้ในการจัดกิจกรรม เพราะหวั่นว่าจะเกิดกระแสโจมตีและหยิบเอาเรื่องเงินไปสร้างประเด็นต่อ ส่วนเงินบริจาค 88 ล้านของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) ก็ยังคงอยู่ และถือเป็นตัวเลขมหามงคลที่กสทช.ได้ร่วมทำกิจกรรมมาก่อนหน้านี้ ส่วนตัวรู้สึกเสียใจว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมด มีคนนำเอาไปเป็นประเด็นโจมตี ยืนยันว่า การสอบสวนทั้งหมดยังไม่สิ้นสุด ขอให้รอความชัดเจนจากคณะกรรมการตรวจสอบก่อน และส่วนตัวยังเชื่อว่า อุทยานราชภักดิ์เป็นจุดแข็งไม่ใช่จุดอ่อนอย่างที่หลายคนมองก่อนหน้านี้
พล.อ.อุดมเดช กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุยืนยันว่า โครงการดังกล่าวมีการทุจริต โดยเห็นว่าเป็นการตัดสินของเจ้าหน้าที่ของรัฐควรจะมีวุฒิภาวะ ไม่ควรออกมาชี้นำ หรือเชื่อคนสองคนที่ถือเอกสารซองสีน้ำตาลบางๆมาให้ หรือไม่เชื่อคนที่เป็นนายพรานที่ซุ่มยิง และเห็นว่าพล.อ.ไพบูลย์ควรจะมีสติ หรือมีธงอยู่ในใจพอสื่อถามออกไปแล้วก็พูด ควรจะให้กรรมการเข้าไปตรวจสอบ ในส่วนตัวอึดอัดแม้มีโอกาสพูดแต่ไม่พูดเก็บไว้ในใจ หรือมีคนแนะนำให้ตั้งโต๊ะแถลง แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่เหมาะต้องรอผลของคณะกรรมการออกมาชัดเจนก่อน เพราะเราจะฮั้วกับกรรมการไม่ได้ เนื่องจากมีกระแสจับจ้องอยู่
นอกจากนี้ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เมื่อผลการสอบสวนเสร็จสิ้นจะไม่ไปทำบุญ แต่ห่วงว่าคนที่จะมาดูแล อาจจะดูแลไม่ดีเท่าคณะกรรมการอุทยานราขภักดิ์และกองทัพบก เนื่องจากเป็นสมบัติของชาติ
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึงกรณีนี้สั้นๆว่า ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไปนิดเดียว แต่สื่อมวลชนกลับรายงานว่า ตัวเองบอกทุจริต อย่างไรก็ตามขอรอประชุมอีกครั้งก่อนจะให้สัมภาษณ์อีก
CR:แฟ้มภาพ