*รอบครึ่งวัน:วิษณุ แจงคำสั่งคสช.ปลดล็อคตำแหน่งปธ.ป.ป.ช.- ภุชงค์ ยื่นอุทธรณ์รบ.ไม่ได้/ปิดคดีค้ามนุษย์*

+++พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แสดงความยินดีและชื่นชมพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วประเทศที่มีความตั้งใจมุ่งมั่นในการเข้าร่วมกิจกรรม ปั่นเพื่อพ่อ Bike for dad ในวันศุกร์ที่ 11 ธันวาคมนี้ สังเกตได้ทั้งจากจำนวนผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมที่มีจำนวนนับแสนราย และบรรยากาศโดยทั่วไปที่พบเห็นผู้นำจักรยานมาปั่นเพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกายจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี รู้สึกเป็นห่วง ที่ผู้ขับขี่จักรยานจำนวนหนึ่งใช้ถนนเส้นทางหลักในการซักซ้อมปั่น โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ จึงอยากขอความร่วมมือว่าหากจะปั่นบนท้องถนนควรติดสัญญาณไฟ หรือแถบสะท้อนแสงให้เห็นได้ชัดเจน และปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย และที่ดีที่สุดควรซ้อมปั่นในสวนสาธารณะ สนามกีฬา หรือ ที่จัดไว้เฉพาะและเหมาะสมกับการปั่นจักรยาน เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ

+++และในวันจัดกิจกรรมจริง ขอให้นักปั่นทุกคนปฏิบัติตนเช่นเดียวกับในกิจกรรม Bike for mom โดยนายกรัฐมนตรี ขอเชิญชวนให้ประชาชนยึดหลัก 3 ข้อ คือ สง่างาม น้ำใจ รักษาวินัยจราจร คือร่วมขับขี่ด้วยความสง่างาม ไม่รีบเร่ง ไม่แข่งขัน มีน้ำใจช่วยเหลือดูแลกัน และที่สำคัญคือรักษาวินัยจราจร ไม่แซง ไม่ปาด ให้สัญญาณมือ สังเกตสัญญาณจราจร และสัญลักษณ์ที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้ เพื่อให้เป็นกิจกรรมที่ออกมางดงาม สมพระเกียรติที่สุด และขอให้ยึดถือปฏิบัติเช่นเดียวกันทั่วประเทศ

+++สำหรับพี่น้องประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จฯ ตลอดเส้นทาง ขอให้ปฎิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่คอยถวายความปลอดภัยและถวายพระเกียรติ รวมทั้งดูแลพี่น้องประชาชน ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย

+++หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัว นายฐนกร ศิริไพบูลย์ หรือเอฟ อายุ 27 ปี พนักงานบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่งภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู มาซักถาม หลังจากตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ส่งข้อความแผนผังภาพไปยังเฟซบุ๊กเพจหนึ่ง เกี่ยวโยงกับการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ไปสอบสวน  เพื่อดำเนินคดีกับนายฐนกร ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ,116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14(1) พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพิ่งจะเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม ส่วนการสอบสวนผู้ต้องหายังไม่ถือว่าอยู่ในอำนาจของตำรวจ เนื่องจากทางทหารใช้อำนาจพิเศษในการควบคุมตัว นายฐนกร ไปสอบสวนก่อน โดยจะสามารถสอบสวนได้เป็นเวลา 7 วัน จากนั้นจึงจะส่งตัวมาให้กับตำรวจเป็นผู้ดำเนินการต่อ โดยเมื่อได้ตัวจากทหารมอบสอบสวนดำเนินคดี ก็จะต้องถูกดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ตามที่ถูกแจ้งความไว้ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า อาจจะมีการส่งมอบตัว พร้อมทั้งข้อมูลการสอบสวน และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ทางตำรวจดำเนินการต่อไป

+++กรณีคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ให้นายปานเทพ  กล้าณรงค์ราญ พ้นจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการแก้ไขปัญหาการสรรหาประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ คำสั่งดังกล่าวจะเป็นการปลดล็อคให้กรรมการ ป.ป.ช.5 คน ที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ( สนช.) แต่งตั้ง สามารถประชุมกับกรรมการ ป.ป.ช. 4 คนที่เหลือ เพื่อเลือกประธานได้ เพราะหากนายปานเทพยังทำหน้าที่อยู่ การเลือกประธานก็ไม่สามาถทำได้ เพราะไม่มีตำแหน่งว่าง

+++กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเลิกจ้าง นายภุชงค์ นุตราวงศ์  จากตำแหน่งเลขาธิการ กกต. เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน นายวิษณุ กล่าวว่า นายภุชงค์ไม่มีสิทธิยื่นร้องขอความเป็นธรรมมายังรัฐบาล  เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กรอิสระ ต้องปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายขององค์กรอิสระนั้นๆ  รัฐบาลแทรกแซงไม่ได้ และในอดีตก็เคยมีกรณีของศาลยุติธรรม ที่มีลักษณะใกล้เคียงนายภุชงค์  ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ อย่างไรก็ตาม หากนายภุชงค์เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อกรรมการ กกต.หรือ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้

+++คดีค้ามนุษย์  พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ประชุมสรุปผลการดำเนินคดีอาชญากรรมข้ามชาติ หรือคดีค้ามนุษย์ พร้อมแถลงปิดคดีที่ 225/2558 สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช โดยมี พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช และตำรวจพนักงานสอบสวนเข้าร่วมประชุมสรุปสำนวนของคดี  พล.ต.ท.เทศา  กล่าวว่า ได้สอบสวนขยายผลเกี่ยวโยงไปยังจังหวัดต่างๆ หลังมีการจับกุมที่ อ.หัวไทร นับเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์ ซึ่งสืบสวนตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ รัดกุม ใช้เวลามากพอสมควร ขณะนี้สำนวนคดีเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้ต้องหาทั้งหมด 70 คน จับกุมแล้ว 18 คน อายัดตัว 12 คน เหลืออีก 38 คน และเยาวชน 2 คนอยู่ในระหว่างการเสนอขอหมายจับกุมจากศาล และจะแยกดำเนินคดีต่อศาลเยาวชน โดยอายัดทรัพย์รวมกว่า 190 ล้านบาท ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐาน คิดว่าเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งหมดได้แน่นอน โดยผู้ต้องหาที่เหลือ 38 คน ยังไม่หลบหนีออกต่างประเทศ ทางตำรวจกำลังเร่งติดตามตัว ส่วนสำนวนพนักงานสอบสวน จะเสนออัยการศาลจังหวัดปากพนัง ในวันพรุ่งนี้ เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดต่อไป และหลังปิดคดีนี้ก็จะปิดศูนย์สอบสวนเช่นกัน

+++รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง.วันที่ 16 ธ.ค. คาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับร้อยละ 1.50 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น เพราะจากรายงานตัวเลขจีดีพีของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ไตรมาส 3 ขยายตัวร้อยละ 2.9 เป็นผลมาจากการลงทุนของภาครัฐ การบริโภคภาคเอกชน และการส่งออก  ดังนั้นปีนี้ คาดว่า จีดีพี จะเติบโตร้อยละ 2.8 ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบัน และรักษาความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินไว้ในสถานการณ์ที่จำเป็น

+++คดีอาชญากรรม กรณีกลุ่มคนร้ายวัยรุ่นจำนวน 6 คน รุมทำร้ายนายกฤษฎา อ่อนน้อม อายุ 19 ปี อย่างรุนแรงจนกระทั่งเสียชีวิต บริเวณหน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในเมืองกาญจนบุรี ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้ว 2 คน ด้านมารดาของผู้เสียชีวิต ยืนยันว่าจะรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวคนร้ายให้ได้ครบทุกคนก่อน แล้วค่อยดำเนินการเรื่องศพของลูกชายตามประเพณี ทั้งนี้ตามรายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ผู้เสียชีวิตเคยเป็นพยานชี้ตัวคนร้ายรายหนึ่งในข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกับกลุ่มคนที่ทำร้ายจนเสียชีวิตนั่นเอง

+++พ.ต.อ.พิศุทธิ์ ศุกระศร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.บัญชา ศรีรุจิเมธากร รอง ผกก.ป.ฯ และ พ.ต.ท.สุชาย เทศัชบุตร รอง ผกก.สส.ฯ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เมื่อคืน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และ ตชด. สนธิกำลังปิดล้อมเมือง จับกุมคนร้ายที่เหลือ แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

+++กรณีที่โลกออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อความเฟซบุ๊กรายหนึ่ง อ้างว่าเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าเป็นเฟซบุ๊กที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมา คาดว่ามีเจตนาเพื่อปั่นป่วน ยั่วยุ การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและยั่วยุกระแสสังคม เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่ผู้ก่อเหตุจะโพสต์ข้อมูลต่างๆ เช่นนี้ ขอร้องวัยรุ่นหรือผู้คึกคะนองที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หยุดการกระทำดังกล่าว ส่งผลไม่ดี กดดันทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และจะจับผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว.