*รอบวัน(2):น้ำมัน+หุ้นสหรัฐฯ ลดลง/นายกฯให้ภุชงค์ อุทธรณ์ตามขั้นตอน/ป.ป.ช.แจงยังไม่ชี้มูลคดีมันเส้น/กรธ.ไม่ให้ส.ส.แปรญัตติเพิ่มงบฯ*

10 ธันวาคม 2558, 09:07น.


+++กิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ ในวันพรุ่งนี้  11 ธ.ค. หน่วยราชการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เตรียมความพร้อมมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่ออำนวยความสะดวกให้การจัดงานเป็นไปอย่างราบรื่น  นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม ได้รับมอบหมายให้จัดกิจกรรมการแสดงโขนกลางแปลงพระราชทานเฉลิมพระเกียรติฯ ระหว่างวันที่ 11-13 ธันวาคม ณ พระลานพระราชวังดุสิต สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯไปทอดพระเนตรการแสดงโขน ในวันที่ 11 ธันวาคม การแสดงจะเริ่มหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ ส่วนการแสดงโขนในวันที่ 12 และ 13 ธันวาคม จะเปิดให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมชมการแสดงได้ เริ่มในเวลา 18.30 น.เป็นต้นไป



+++ข่าวดีเรื่องของน้ำมัน  นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในประเทศ ภายหลังบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ประกาศปรับลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด 70 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นอี85 ลดลง 35 สตางค์ ส่วนดีเซลลดลง 70 สตางค์ มีผลวันที่ 10 ธันวาคมเป็นต้นไปว่า การปรับลดดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันต่ำสุดในรอบ 6 ปี 8 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงต่อเนื่อง ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงอีก เพราะกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปค ยังไม่สามารถตกลงตัวเลขเพดานการผลิตที่แน่นอนได้ ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2559 เวตส์เท็กซัสและดูไบน่าจะเคลื่อนไหวเฉลี่ย 40-45 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ประมาณ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล



+++น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 35 เซนต์ ปิดที่ 37.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2009 ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 15 เซนต์ ปิดที่ 40.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันขยับลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน หลังที่ประชุมโอเปก ไม่มีมติปรับลดกำลังผลิต แม้เผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาด



+++ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวสู่แดนลบในช่วงท้ายของการซื้อขาย หลังราคาน้ำมันกลับมาขยับลงอีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนขายทำกำไรก่อนหน้าการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า  ดาวโจนส์ ลดลง 75.70 จุด  ปิดที่ 17.492.30 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 15.97 จุด  ปิดที่ 2,047.62 จุด แนสแดค ลดลง 75.38 จุด  ปิดที่ 5,022.87 จุด



+++ ส่วนราคาทองคำ  ปิดบวกในกรอบแคบ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,076.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++เรื่องนายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ รองประธาน กรธ. คนที่ 2 ในฐานะอดีตประธานกกต. กล่าวว่า การเลิกจ้าง นายภุชงค์ เป็นไปตามสัญญาจ้างที่ กกต.จะต้องดำเนินการประเมินผลการทำงานของตำแหน่งเลขาธิการกกต.เป็นแบบปีต่อปี ซึ่งสมัยกกต.ชุดที่ตัวเองเป็นประธาน ได้ประเมินการทำงานของนายภุชงค์แบบปีต่อปีเช่นกันและพบว่า นายภุชงค์ ทำงานเป็นที่น่าพอใจ มีประสิทธิภาพ จึงประเมินให้ผ่านการทำงาน แต่เมื่อกกต.ชุดนี้ มีมติให้เลิกจ้างก็ถือเป็นดุลพินิจของ กกต. คงไม่ใช่เป็นการล้วงลูก ส่วนตัวเข้าใจว่า ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์มติให้เลิกจ้างได้ สมัยที่เป็นประธาน กกต. เห็นว่านายภุชงค์เป็นคนดี และนายภุชงค์ ไม่เคยมีปัญหาในการทำงาน ส่วนตัวรู้สึกเสียใจที่นายภุชงค์ ถูก กกต.มีมติให้เลิกจ้าง



+++พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายภุชงค์ จะยื่นหนังสืออุทธรณ์ว่าขอให้ ร้องเรียนพร้อมทำหนังสือยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษมาตามขั้นตอน ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) ดำเนินการ กรณี นายภุชงค์ เป็นการจ้าง ถ้าประเมินไม่ผ่านก็ต้องไปดูว่าไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินเพราะอะไร ทำงานได้ดีหรือไม่ ไม่ใช่รังแกกัน ส่วนกรณีที่นายภุชงค์ ให้เหตุผลว่า กกต. ใช้งบประมาณไม่โปร่งใส เชื่อว่าไม่เกี่ยวกัน แสดงว่าจะทุจริตกันทุกหน่วยงานกันเลยหรือ



+++นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในขณะนี้ และไม่รู้จะปรับเมื่อไร อยากปรับเมื่อไรก็จะปรับ แต่ยังไม่อยากปรับตอนนี้ ส่วนที่มีการพูดว่าจะมีการปรับครม.เพื่อแก้ปัญหาอุทยานราชภักดิ์ ถามว่าถ้าปรับแล้วจะแก้ได้หรือไม่ ตราบใดที่การสอบสวนยังไม่ชัดเจน



+++กรณี คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตั้งคณะอนุกรรมการ ไต่สวนกรณีการระบายมันสำปะหลัง (มันเส้น) แบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบ ปรากฏชื่ออดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และข้าราชการระดับสูง รวมถึงบริษัทเอกชนจากประเทศจีนมีพฤติการณ์ส่อไปในทำนองไม่ได้มีการซื้อขายแบบจีทูจีจริง มีรายงานว่า อยู่ระหว่างการไต่สวนหาผู้ถูกกล่าวหา ในส่วนบริษัทเอกชน เบื้องต้นพบว่าบางรายเป็นพวกเดียวกันกับกรณีการระบายข้าวแบบจีทูจี ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลการสอบสวนและยืนยันข้อมูลให้ชัดเจนอีกครั้งก่อนแจ้ง ข้อกล่าวหาต่อไป



+++ส่วนเรื่องการเลือกประธานป.ป.ช. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 45/2558 เรื่องการเลือกประธานป.ป.ช. ให้นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประธานพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่  ให้สำนักงานจัดประชุมระหว่างบุคคลผู้ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่วุฒิสภา ร่วมกับกรรมการป.ป.ช. ที่ยังคงอยู่ในวาระการดำรงตำแหน่ง เพื่อเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธาน จากนั้นแจ้งผลให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบ เพื่อนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงแต่งตั้งประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ต่อไปในคราวเดียวกัน  



+++นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) แถลงผลการประชุม กรธ. ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาบทบัญญัติเกี่ยวกับการตราพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ เบื้องต้น กรธ.มีแนวคิดว่า จะทำอย่างไรให้การแปรญัตติเกิดประโยชน์สูงสุด โปร่งใส คุ้มค่า ไม่ให้แปรญัตติเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว หรือพวกพ้อง หรือเพื่อสร้างความนิยมทางการเมือง กระบวนการแปรญัตติ โดยกำหนดให้ ส.ส.ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน ส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาให้เสร็จภายใน 20 วันรวม 125 วัน สาระสำคัญคือ ห้ามไม่ให้ ส.ส.แปรญัตติเพิ่มงบประมาณค่าใช้จ่าย ทำได้เพียงแค่ปรับลด งบประมาณเท่านั้น



+++เครือข่ายภาคประชาชน คัดค้านการส่งร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ความปลอดภัยทางชีวภาพหรือกฎหมายจีเอ็มโอ เข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) อย่างต่อเนื่อง และมีการนัดหมายยื่นหนังสือคัดค้านพร้อมกันที่ศาลากลางจังหวัดกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์  พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของพ.ร.บ.ฉบับนี้ มีหน้าที่ควบคุม ต้องยอมรับว่า พืชที่ตัดต่อพันธุกรรม มีขายในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุม หากมีผลกระทบเสียหายกับพืชหรือสัตว์ก็ตาม จะไม่มีผู้รับผิดชอบ ทำให้ยากในการควบคุม ที่ประชุม ครม.จึงเห็นควรร่าง หลักการของพ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อให้มีความปลอดภัย และมีมาตรการตรวจสอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ก็มีหลายประเด็นที่ ครม.ตั้งข้อสังเกต และได้มอบหมายให้คณะกรรมการกฤษฎีกา รวบรวมความคิดเห็น เพื่อเสนอเพิ่มเติม รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องที่เกี่ยวกับพืชดัดแปลงพันธุกรรม และยังรับฟังทุกเสียงของประชาชน ตามขั้นตอน แม้ว่า ครม.จะผ่านความเห็นไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของคณะกรรมการกฤษฎีกา และขอยืนยันจะดำเนินการด้วยความรอบคอบ เรื่องนี้ยังไม่ถึง สนช. แต่แม้ถึงแล้ว ก็สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ ขออย่านำกำลังมากดดันต่อต้านรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด



+++นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการประมูลคลื่น 900 MHz ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จะแข่งขันดุเดือดและคาดว่าราคาจะไม่ต่ำกว่าการประมูลคลื่น 1800 MHz ที่มีราคาประมูล ใบละประมาณ 4 หมื่นล้านบาท รวม 2 ใบเกือบ 8 หมื่นล้านบาท ปัจจัยที่จะทำให้การประมูลครั้งนี้แข่งขันดุเดือด ประการแรก ผู้ที่ชนะการประมูล 1800 MHz ไปแล้ว จะไม่ปล่อยให้ราคาคลื่น 900 MHz ต่ำกว่าราคาที่ตัวเองชนะประมูล เพราะหากปล่อยให้คู่แข่งได้ราคาต่ำกว่า จะทำให้เสียเปรียบในการแข่งขัน เพราะเท่ากับปล่อยให้ต้นทุนคู่แข่งต่ำกว่า ผู้ประมูลสามารถให้บริการในราคาที่ต่ำกว่า และมีโอกาสที่ลูกค้าจะย้ายค่าย  คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) มีมติไปแล้วว่าราคาประมูลคลื่นในย่าน 1800 MHz จะเป็นพื้นฐานราคากลางที่จะประมูลในปี 2561 บวกด้วยอัตราเงินเฟ้อ ถ้าไม่แข่งขันรอบนี้ก็ตกขบวน เพราะราคาจะ สูงกว่านี้แน่นอน ดังนั้น ให้แข่งขันตอนนี้ดีกว่า ทุกค่ายยังต้องการใช้คลื่นอย่างต่อเนื่อง



+++ทั้งนี้ กสทช. ได้คำนวณประมูลคลื่น 900 MHz คร่าวๆ ไว้ 3 วัน คือ วันที่ 15-17 ธ.ค. จากเริ่มต้นที่ 12,865 ล้านบาท วันที่ 15 ธ.ค. จะประมูลได้ 36 รอบ ราคาจะอยู่ที่ 26,060 ล้านบาท วันที่ 16 ธ.ค. ประมูลรอบที่ 55-90 ราคา 43,454 ล้านบาท และวันที่ 17 ธ.ค. จะประมูลรอบที่ 91-108 ราคาประมาณ 49,250 ล้านบาท และถ้าแข่งกันต่ออีกเวลา 09.00-21.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. จะประมูลรอบที่ 109-144 ราคาจะประมาณ 60,842 ล้านบาท



 



 

ข่าวทั้งหมด

X