หลังจากที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ประธาน และเลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แก่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) และนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตามคำเชิญ
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ขอบคุณทั้ง2 คนที่ใช้ช่องทางนี้มาพูดคุยถึงรายละเอียดการทุจริตก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งในวันนี้ แกนนำ นปช.ได้นำเอกสารมายื่นต่อ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. ซึ่งเป็นข้อมูลประกอบการทำงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง. แต่ไม่ใช่หลักฐานที่ชี้ชัดว่าจะเอาผิดได้หรือไม่ เป็นเพียงข้อมูลการบริจาคเงินของภาครัฐ ภาคเอกชน และกองทัพบก รวมถึงข้อมูลความผิดปกติในส่วนของโรงหล่อ ซึ่งถือว่าข้อมูลที่นำมาเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน โดยการพูดคุยได้มีข้อตกลงร่วมกันว่า จะใช้ช่องทางนี้ในการประสานงานและตรวจสอบข้อมูลร่วมกัน และหากมีข้อมูลเพิ่มเติมทาง นปช.จะเดินทางมาให้ข้อมูลอีกเป็นระยะ
ส่วนการตรวจสอบของ ศอตช. จะมีผลทิศทางเดียวกับทางกองทัพบกคือ ไม่พบการทุจริต หรือไม่นั้น พลเอกไพบูลย์กล่าวยืนยันว่า โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์มีการทุจริต เนื่องจากผู้รับผิดชอบเป็นผู้ออกมาเปิดเผยว่ามีการทุจริตจริง ดังนั้นผลการตรวจสอบของ ศอบต.ต้องเจอการทุจริต ซึ่งต้องดูว่าผลจะเป็นใคร พร้อมฝากถึงขบวนการประชาธิปไตยศึกษาให้ใช้ช่องทางนี้ในการตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย รวมถึงมุ่งไปสู่ขั้นตอนการตรวจสอบอย่างจริงจัง อย่าสร้างนวัตกรรมตรวจสอบใหม่เพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความสับสน
พลเอกไพบูลย์ ยืนยันว่าจะต้องนำคนผิดมาลงโทษให้ได้ ส่วนคนที่หลบหนีหากมีหลักฐานเชื่อมโยงก็ต้องดำเนินการเอาผิดต่อไปและหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความเชื่อมโยงกับบุคคลอื่นก็จะดำเนินการเอาผิดทั้งหมด ตามที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ยอมรับหลักฐานที่นำมาในวันนี้นั้นไม่ครบถ้วนเต็มที่ เพราะหลักฐานส่วนใหญ่อยู่ในกลไกของกองทัพบกและหน่วยของภาครัฐ แต่หลักฐานนี้จะเป็นต้นทางในการสอบสวน และการทุจริตโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้นใหญ่กว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง และจะจบได้ต้องทำให้ความจริงปรากฏ
ขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า การพูดคุยในวันนี้ได้ข้อสรุปตรงกัน คือ การก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้นเริ่มต้นจากกองทัพบก และ สตง มีสิทธิเข้ามาตรวจสอบเงินบริจาคเพราะเงินบริจาคทั้งหมดมีการใช้จ่ายผ่านกองทุนสวัสดิการกองทัพบก และส่วนตัวยังมีข้อเสนอต่อขบวนการสอบสวนของ ศอตช. โดยให้มีตัวแทนจากสื่อมวลชน นักวิชาการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้าง รวมถึงตัวแทนจากองค์กรเอกชนที่มีบทบาทในการตรวจสอบการทุจริต เข้ามาร่วมสังเกตุการณ์การตรวจสอบในโครงการดังกล่าว โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้รับข้อเสนอดังกล่าวไว้พิจารณา
นายณัฐวุฒิยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบคุณภาพโลหะของอนุสาวรีย์บูรพมหากษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ เนื่องจากการยอมรับว่ามีการหักค่าหัวคิวโรงหล่อ นั้นอาจจะมีการลดคุณภาพในการก่อสร้าง และฝากถึงรัฐบาลให้อธิบายขบวนการ ขั้นตอนการตรวจให้ประชาชนรับทราบ และติดตามตัวผู้หลบหนีมารับโทษต่อไป ยืนยันว่าทางกลุ่ม นปช. ไม่มีเจตนาที่จะนำเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขทางการเมืองเพื่อต่อรองกับรัฐบาล เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวหลังมีการยอมรับว่ามีการทุจริต ทั้งนี้ยืนยันว่าทางกลุ่ม นปช. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของขบวนการประชาธิปไตยศึกษา