เจ้าหน้าที่คุม3 คนร้ายบุกปล้นร้านทองสุวิมลเยาวราช เลขที่ 1526 / 5 3 -5 4 ตั้งอยู่ที่ปากซอยเทพารักษ์ 10 ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ และได้ใช้อาวุธปืนยิง นายสุพล ชวาลากุล อายุ 60 ปี เจ้าของร้านเสียชีวิต ช่วงบ่ายวันที่ 2 ธันวาคม ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พลตำรวจโทชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใย สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมกันติดตามตัวผู้ก่อเหตุ มาลงโทษโดยเร็วเนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ รวมถึงเป็นที่สนใจของประชาชน โดยหลังเกิดเหตุได้เรียกประชุมเพื่อติดตามเบาะแสของคนร้ายโดยให้แต่ละหน่วยงานกระจายกำลังกันออกค้นหาเบาะแสคนร้ายในพื้นที่กระทั่งวันที่ 8 ธันวาคม
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนระดมกำลังออกค้นหาตามพยานหลักฐานที่มีอยู่จนได้ภาพของคนร้ายทั้ง 3 จากกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆประกอบด้วยนายธนากร เพร็ชนิล หรือนนท์อายุ 22 ปีชาวจังหวัดนครพนม นายสมชาย วิเศษโวหาร หรือรัก อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี และนายพัลลภ ณะสูงเนิน หรือโทน อายุ 22 ปี ชาวจังหวัดนครพนม ซึ่งชุดสืบสวนสภ.สำโรงเหนือได้นำกำลังเข้าจับกุมนายพัลลภ ที่ในวันก่อเหตุได้ถือมีดดาบบุกเข้าไปในร้านโดยสามารถจับกุมได้ขณะทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือ รปภ. อยู่ที่บริษัทแห่ง 1 ย่านนิคมอุตสาหกรรมบางปู จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมตัวนายสมชายซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อก่อเหตุได้ที่บริเวณท้องสนามหลวง ก่อนที่จะขยายผลติดตามจับกุมตัวนายธนากรที่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุและใช้อาวุธปืนยิงเจ้าของร้านจนเสียชีวิตขณะที่หนีไปกบดานอยู่ที่บ้านภรรยาในจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่สามารถยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ 110 สีขาวดำทะเบียน 1 กก 9795 จังหวัดร้อยเอ็ดที่ใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุไว้ได้จำนวน 1 คัน และรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟีโน่ สีขาว-ม่วง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่ใช้เป็นรถสำรวจเส้นทางก่อนลงมือปล้น
นอกจากนี้ ชุดปฏิบัติการพิเศษทำลายใต้น้ำ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง นครพนม ได้ลงพื้นที่เพื่อค้นหาอาวุธปืนของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ ตามคำให้การของผู้ต้องหา ว่า ได้นำไปทิ้งเพื่อทำลายหลักฐานบริเวณอ่างเก็บน้ำในพื้นที่บ้านสุขเจริญ ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม โดยพบแม็กกาซีน อาวุธปืนขนาด .38 1 อัน พร้อมลำกล้องปืน และสปริงส่วนประกอบ แต่ไม่พบตัวอาวุธปืน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อประกอบสำนวนคดี
ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาทั้ง 3 คนทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ที่บริษัทรักษาความปลอดภัยยันบางปูแต่เนื่องจากมีรายได้น้อยจึงชักชวนกันก่อเหตุปล้นร้านทองเนื่องจากเห็นว่าได้ทรัพย์สินจำนวนมากและสามารถนำมาแบ่งกันได้ นายธนากรเป็นคนวางแผนและจัดหาอาวุธปืน โดยก่อนเกิดเหตุประมาณ 10 วันนายธนากรแล้วนายพัลลภพากันขับขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนดูร้านทองในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดสมุทรปราการและพบว่าร้านทองสุวิมลที่เกิดเหตุมีเจ้าของร้านอยู่เพียงคนเดียวซึ่งง่ายต่อการก่อเหตุ จนถึงเวลาเกิดเหตุนายธนากรและนาย พัลลภรวมถึงนายสมชายได้พากันขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนออกจากที่พักมาถึงร้านทองที่เกิดเหตุและเห็นว่ามีเจ้าของร้านเฝ้าร้านอยู่เพียงคนเดียวและมีตำรวจสายตรวจยืนอยู่บริเวณหน้าร้านทองจึงไม่สามารถก่อเหตุได้และขับหนีไปตั้งหลักก่อนจะย้อนกลับมาก่อเหตุซ้ำอีกครั้งซึ่งมีนายสมชายจอดรถจักรยานยนต์สตาร์ทเครื่องรออยู่บริเวณหน้าร้านและนายธนากรเป็นผู้ถือปืนนายพัลลภรีบเข้าไปในร้านทองเพื่อแสดงตัวว่าจะปล้น และเมื่อนายสุพล เจ้าของร้านหยิบอาวุธปืนเพื่อจะต่อสู้ ธนากรจึงใช้อาวุธปืนยิงสวนไปจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากนั้นได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่นายสมชายจอดรออยู่หลบหนีไป
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีปัญหาเรื่องหนี้สิน จึงได้ตัดสินใจร่วมกับเพื่อนปล้นร้านทองเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ แต่เจ้าของร้านมีอาวุธปืน จึงตัดสินใจยิงสวนกลับไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งหา ร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีและใช้อาวุธและร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และหลังจากนี้จะนำตัวนายพัลลภและนายสมชาย ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนนายธนากร จะฝากขังในวันพรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร