ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวที่ระบุว่า สมาชิกสภาขับเคลื่อนการประฏิรูปประเทศ (สปท.) ไม่พอใจที่มีการตั้งคณะทำงานด้านการปฏิรูปทั้ง 6 กลุ่ม ว่า ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ สปท. แต่ขอยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลกำลังทำทุกอย่างเพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง และการทำประชามติ ซึ่งยืนยันว่าไม่เคยสั่งการผ่านหรือไม่ผ่านรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
นอกจากนี้ฝากไปถึงข้าราชการว่าต้องยกระดับ มีวิสัยทัศน์ ใช้สมองในการทำงานไม่ใช่การประจบ ซึ่งตนเองก็ไม่ชอบคนประเภทนี้ ประกอบกับที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมากล่าวว่า ปัญหาการดำเนินงานที่เกิดขึ้นข้าราชการต้องรับผิดชอบโดยตรงเพราะเป็นผู้ปฏิบัติงานไม่ใช่นักการเมืองและคณะรัฐมนตรี จึงขอถามว่าเกียรติยศศักดิ์ศรีของข้าราชการไปไหนหมด ทำไมจึงไม่ช่วยกัน ข้าราชการทุกกระทรวงต้องปรับตัวทั้งหมด ขณะที่การผลิตข้าราชการรุ่นใหม่ ขอให้ตรงความต้องการของต้นสังกัด เช่นเดียวกับแพทย์ที่จะต้องส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางสถานพยาบาลในอาเซียน แต่ขณะนี้ไทยยังขาดแคลนแพทย์ชนบท ดังนั้นจึงต้องชนบทขึ้นมา ให้มีแพทย์ทำงานตามภูมิลำเนา รวมถึงต้องปรับปรุงพัฒนาให้มีจำนวนที่เพียงพอ
นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า ขออย่าไปยุ่งกับการแต่งตั้งข้าราชการของกองทัพและข้าราชตำรวจเพราะเมื่อจะแต่งตั้งใครจะต้องดูความสามารถ ความเหมาะสม และความอาวุโสอยู่แล้ว ไม่ใช่การแต่งตั้งเพื่อรองรับใคร ส่วนการจะให้เลือกตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าขณะนี้ไทยไม่พร้อม และเลือกตั้งนักการเมืองยังแย่จะไปเลือกตั้งตำรวจได้อย่างไร
ส่วนปัญหาหนี้สินครู นายกรัฐมนตรีว่า มีปัญหาแค่ 3 % เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ทำการผ่อนชำระ จึงขออย่าตกไปเป็นเครื่องมือคนบางคนบางประเภท ที่อ้างว่า จะยกหนี้สิน พร้อมถามกลับไปว่าจะนำเงิน 200 ล้านบาท ที่ไหนมาให้ เพราะไทยยังมีปัญหาหนี้สิน ทั้งเรื่องข้าว ยาง ซึ่งจะขึ้นภาษีก็ไม่ได้อีก นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ยังไม่สนใจแนวคิดการรวบรวมครูตั้งเป็นกระทรวง เพราะมองว่าเป็นเรื่องเลอะเทอะ ซึ่งต้องการเพียงแค่ ให้รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง กับข้าราชการ ทำงานร่วมกันมีช่องทางในการบูรณาการ โดยรัฐมนตรีรับผิดชอบเรียกทุกคนมาแก้ปัญหา ซึ่งนี่คือมาตรา 44 ในการปกครอง