*ฝ่ายกฎหมายคสช. แจ้งกองปราบเอาผิดทนายความขอนแก่นโมเดล กรณีแจ้งความเท็จ

พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช.เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อธิลักษณ์ หวังสิริวรกุล พนักงานสอบสวนกองปราบปราม (กก.1 บก.ป.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดี น.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความของนายธนกฤต ทองเงินเพิ่ม หนึ่งในเครือข่ายขอนแก่นโมเดล โดยแจ้งความดำเนินคดี น.ส.เบญจรัตน์ ในความผิดฐาน แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวน โดยรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิด และเป็นการกลั่นแกล้งให้บุคคลใดได้รับโทษ และข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 , 173 , 174 , 181 และ 328 โดยนำ น.ส.พ.ที่มีการลงตีพิมพ์ข่าวกรณีเครือข่ายขอนแก่นโมเดล มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน

สำหรับนายธนกฤต ทองเงินเพิ่ม หนึ่งในเครือข่ายขอนแก่นโมเดล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ข้อหาร่วมกันกระทำความผิดซ้ำฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน น.ส.เบญจรัตน์ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดี พล.ต.วิจารณ์ และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ , หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และแจ้งความเท็จ โดยอ้างว่านายธนกฤต ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดขอนแก่น มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา น.ส.เบญจรัตน์ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.อีกครั้ง เพื่อขอถอนแจ้งความ โดยอ้างว่านายธนกฤต มีความประสงค์จะถอนแจ้งความ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ไปเข้าพบที่เรือนจำจังหวัดขอนแก่น โดยเจรจาทำข้อตกลงขอให้นายธนกฤต ถอนแจ้งความร้องทุกข์

ด้าน พล.ต.อ. ศรีวราห์ เปิดเผยว่า การออกหมายจับในข้อหาใดก็ตาม ตำรวจไม่สามารถอนุมัติเองได้ ต้องผ่านการอนุมัติจากศาล ยืนยันพนักงานสอบสวนมีหลักฐานที่ชัดเจนอย่างแน่นอน โดยขณะนี้จะยังไม่มีการฟ้องกลับเนื่องจากยังไม่รู้สึกว่าได้รับความเสียหายจากข้อกล่าวหาดังกล่าว ซึ่งหากหลักฐานที่ทนายกลุ่มขอนแก่นโมเดลนำมาไม่ชัดเจนครบถ้วน ก็ต้องถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จต่อไป ส่วนจะมีการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ต้องรอตรวจสอบสำนวนในคดีดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการปราบปราม