เมืองไทยฯ(2):เอียซาเตรียมประกาศผลมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน/ค้านพ.ร.บ.ปิโตรเลียม และพ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ*

07 ธันวาคม 2558, 08:44น.


ตามที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (เอฟเอเอ) ประกาศปรับลดมาตรฐานหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินของไทยจากประเภทที่ 1 ลงมาอยู่ประเภทที่ 2 หรือบัญชีเฝ้ามอง และห้ามเครื่องบินของไทยบินตรงเข้าสหรัฐ รวมทั้งขยายเส้นทางการบินเพิ่ม แม้ว่าในปัจจุบันไม่มีสายการบินของไทยที่บินตรงเข้าสหรัฐ แต่ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหภาพยุโรป (เอียซา) จะประกาศผลการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทย ซึ่งได้แก่ การบินไทย และบริษัท เอ็ม เจ็ทที่ทำการบินเข้ายุโรป



และในวันที่ 14 ธันวาคม คณะกรรมการนโยบายส่งเสริมการลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ ที่มีนางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานจะจัดประชุมนัดที่สอง เพื่อติดตามความคืบหน้านโยบายการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมหรือคลัสเตอร์ หลังจากมอบหมายให้คณะอนุกรรมการคลัสเตอร์ 6 กลุ่ม ประกอบด้วย ยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี ดิจิตอล เกษตรแปรรูป และสิ่งทอ ไปศึกษาใน 3 ประเด็น คือ ความเป็นไปได้ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์เป้าหมายของคลัสเตอร์ เพื่อส่งเสริมเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนต่อไป ให้สำรวจและรวบรวมกลุ่มนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่เป็นเป้าหมายในการต่อ ยอดคลัสเตอร์ เพื่อเข้าไปหารือและจูงใจให้เข้ามาลงทุนในคลัสเตอร์ที่ภาครัฐให้การสนับสนุน และสุดท้ายคือการรวบรวมข้อมูลปัจจัยที่อำนวยความสะดวกต่อการลงทุน รวมถึงปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อนักลงทุน เพื่อร่วมกันกำหนดสิทธิประโยชน์ที่จูงใจนักลงทุน



บ่ายวันนี้ ตัวแทนนักวิชาการ และภาคประชาสังคมจะแถลงเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยุติการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ. ปิโตรเลียม และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ที่โรงแรมเอเชีย



นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ. ... อันเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนโยบายจีเอ็มโอนนั้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการเกษตรโดยเฉพาะการทำเกษตรอินทรีย์ นอกจากนี้คู่ค้าบางประเทศยังกำหนดเป็นเงื่อนไขในการกีดกันทางการค้าด้วย



นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) เปิดเผยว่า จะมีการรวบรวมรายชื่อผู้ประกอบการ และเกษตรกรที่เกี่ยวข้องเสนอต่อรัฐบาลต่อไป



กรณีที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน สั่งการให้กระทรวงการคลัง ไปบริหารจัดการดูแลเรื่องหนี้สินโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยให้ลดวงเงินลงมาต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2559 นั้น นายสุวิชญ โรจวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ยอมรับว่า ไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายเพราะการระบายข้าวที่ล่าช้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่กล้าดำเนินการและผู้ซื้อก็กลัวได้ข้าวที่มีคุณภาพไม่ดี



ทั้งนี้ แม้ว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะกู้เงินและใช้สภาพคล่องของธนาคารในโครงการรับจำนำข้าวประมาณ 520,000 ล้านบาท เกินกว่ากรอบที่กำหนดไว้ไม่มาก แต่ก็ลดลงยาก เพราะการระบายข้าวทำได้ลำบากทำให้ไม่มีเงินมาใช้หนี้ นอกจากนี้ ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนในการใช้หนี้จำนำข้าวกว่า 500,000 ล้านบาท เพราะตามหลักต้องระบายข้าวเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ให้หมดเสียก่อน หลังจากนั้นจะได้รู้ว่ามีส่วนที่เสียหายที่สุดท้ายต้องใช้เงินงบประมาณไปชดเชยความเสียหายเท่าไร



นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ได้ขยายเวลาการปิดบัญชีรอบสิ้นเดือนกันยายน 2558 ที่จะต้องทำให้ได้ภายในเดือนพฤศจิกายน ไปเป็นภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากคณะทำงานปิดบัญชีข้าวที่มี ธ.ก.ส. เป็นหัวหน้ารับผิดชอบ ยังได้รับข้อมูลปริมาณข้าวจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ไม่ครบ



สำหรับการปิดบัญชีจำนำข้าวล่าสุดรอบ 30 กันยายน 2557  มียอดขาดทุน 700,000 ล้านบาท แยกเป็น 11 โครงการก่อนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 163,000 ล้านบาท และอีก 4 โครงการสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อีก 536,000 ล้านบาท



สำหรับยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 มีทั้งสิ้น 5.783 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42.99 ของจีดีพี โดยหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 46,679 ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ร้อยละ 43.5  โดยปีหน้าคาดว่าหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ร้อยละ 46



กรมสรรพสามิต เสนอแผนการปฏิรูปภาษีให้คณะกรรมการปฏิรูปภาษีที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานแล้ว โดยส่วนหนึ่งมีการเสนอให้เก็บภาษีสินค้าที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้เสนอให้เก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันหล่อลื่นทุกประเภท เนื่องจากมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมมาก ย่อยสลายยากต้องใช้เวลานานหลายปี



ยังมีกรณีของการควบคุมตัวนายอนุเทพ อุเทนสุต อายุ 78 ปี อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ข้อหาร่วมกันร่วมกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ที่ด่าน ตม. ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขณะเดินทางกลับจากต่างประเทศ ซึ่งในเบื้องต้นนายอนุเทพยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ แต่ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่า ไม่รู้เรื่องการฉ้อโกง



*-*

ข่าวทั้งหมด

X