นายเจมส์ โคมี ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ ระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนเหตุสองมือปืนกราดยิงในเมืองซาน เบอร์นาร์ดิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 ศพ ว่าเป็นการก่อเหตุในลักษณะการก่อการร้าย เนื่องจากมีหลักฐานบ่งชี้ว่า สองสามีภรรยาที่ก่อเหตุ คือนางทัชฟีน มาลิก วัย 27 ปี และนายไซเย็ด ริซวาน ฟารุก วัย 28 ปี เป็นผู้มีแนวคิดหัวรุนแรง โดยทั้งคู่ถูกตำรวจวิสามัญเสียชีวิตหลังก่อเหตุ ผู้อำนวยการเอฟบีไอ ระบุว่า ทั้งคู่ได้รับอิทธิพลจากกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติหลายกลุ่ม แต่ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายก่อการร้ายใด และยังมีหลักฐานที่พบอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่สมเหตุสมผล ทำให้ทีมสืบสวนต้องทำงานต่ออีกมาก คำกล่าวของผู้อำนวยการเอฟบีไอมีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้โฆษกเอฟบีไอ เปิดเผยว่า เอฟบีไอกำลังสอบสวนรายงานที่ระบุว่า นางมาลิกเคยให้คำมั่นว่าจะสวามิภักดิ์ต่อกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอส โดยเธอได้ใช้นามแฝงโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คแสดงการสนับสนุนต่อนายอาบู บัคร์ อัล-บัคห์ดาดี ผู้นำกลุ่มไอเอส
ทนายความของครอบครัวนายฟารุก กล่าวว่า นายฟารุคเป็นคนเก็บตัว และมีเพื่อนน้อย ขณะที่นางมาลิกทำหน้าที่ภรรยาที่คอยดูแลบ้านและเป็นคนพูดน้อย ทั้งนี้ครอบครัวของนายฟารุกทราบแค่ว่านายฟารุกมีปืนพกในครอบครอง 2 กระบอก และหนวดเคราของเขามักทำให้เพื่อนร่วมงานที่สำนักสิ่งแวดล้อมประจำเมืองขบขัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เอฟบีไอตรวจพบวัตถุระเบิด อาวุธสงคราม และปืนจำนวนมากภายในบ้านพักของพวกเขา โฆษกเอฟบีไอ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังพยายามกู้ข้อมูลภายในโทรศัพท์เคลื่อนที่ของพวกเขา เพื่อคลี่คลายคดีต่อไป รวมทั้งสอบสวนเพื่อนร่วมงานของนายฟารุก ที่เคยเหยียดศาสนาเขาด้วย
นอกจากนั้น เอฟบีไอ ยังประสานความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ข่าวกรองในปากีสถานเพื่อให้ติดต่อญาติของนางมาลิกในปากีสถานแล้ว เนื่องจากนางมาลิกเกิดในปากีสถาน และย้ายเข้าไปอยู่ในซาอุดีอาระเบีย ก่อนจะเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อแต่งงานกับนายฟารุก ซึ่งเกิดในสหรัฐฯ หลังจากครอบครัวของเขาอพยพมาจากปากีสถาน
ทีมข่าวต่างประเทศ
CR:BBC,AP