สรุปข่าว 19.35น.
+++หลังมีการนำเอกสารของตำรวจสันติบาลให้ติดตามพฤติการณ์ของชาวต่างชาติในประเทศไทย ตามข้อมูลจากหน่วยต่อต้านข่าวกรองรัสเซียมาเผยแพร่ในสื่อมวลชน พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการข่าวที่ประเทศไทยทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดร่วมกับทุกประเทศ เพื่อเฝ้าติดตามกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายต้องสงสัยที่ควรดำเนินการด้วยความระมัดระวังในทุกเรื่อง จนถึงขณะนี้ไม่พบกลุ่มผู้ต้องสงสัยตามข่าวเข้ามาทำการเคลื่อนไหวในประเทศไทย โฆษกรัฐบาลขอให้สื่อมวลชนได้ใช้วิจารณญาณพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเผยแพร่ข้อมูลใดๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่พี่น้องประชาชน และอาจจำเป็นต้องให้หน่วยงานที่ดูแลเชิญสื่อมวลชนดังกล่าวมาทำความเข้าใจและขอความร่วมมือเรื่องแนวทางการทำงานต่อไป
+++รอยเตอร์รายงานอ้างเอกสารด่วนที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาลของไทยส่งเวียนถึงหน่วยงานภายในของตำรวจเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนและหลุดไปถึงสื่อเมื่อวานนี้ว่า ข่าวกรองจากหน่วยความมั่นคงแห่งชาติรัสเซียแจ้งเตือนว่า ชาวซีเรีย 10 คนที่เชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)เดินทางเข้าประเทศไทยระหว่างวันที่ 15-31 ตุลาคมเตรียมก่อเหตุโจมตีผลประโยชน์ชาวรัสเซียนายแอนโธนี เดวิส นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงจากสื่อกลาโหมไอเอชเอส เจนส์ ระบุว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่กลุ่มไอเอสจะก่อเหตุโจมตีไทยเนื่องจากไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาขัดแย้งในซีเรียและกลุ่มไอเอสก็ไม่มีที่มั่นในประเทศไทย แต่เขาเตือนว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุโจมตีก็อาจจะเกิดขึ้นได้เนื่องจากหลายประเทศที่เข้าไปพัวพันกับปัญหาขัดแย้งในซีเรียมีผลประโยชน์ในประเทศไทย อีกทั้งไทยเป็นแหล่งท่องท่องเที่ยวที่มีผู้คนพลุกพล่าน เป็นศูนย์รวมด้านธุรกิจและองค์กรระหว่างประเทศ จึงเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าการโจมตีได้เช่นเดียวกัน
ตั้งข้อสังเกตุว่าหลังเกิดเหตุโจมตีที่คาบสมุทรไซนายของอียิปต์แล้ว หน่วยข่าวกรองรัสเซียอาจจะตั้งคำถามว่า มีที่ไหนในโลกที่ยังเป็นจุดเสี่ยงสำหรับการถูกโจมตีของกลุ่มไอเอสบ้าง ในแง่นี้ประเทศไทยอาจจะอยู่ในรายชื่อต้นๆที่รัสเซียแสดงความเป็นกังวลเช่นกัน ด้านพล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม ระบุว่าที่ผ่านมายังไม่พบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในบรรดาชาวซีเรีย 21 คนที่ยังคงอยู่ในประเทศไทยจากจำนวนทั้งหมด 231 คนที่เข้าเมืองเมื่อเดือนตุลาคม ไม่พบข้อมูลบ่งชี้ว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอส
+++กระแสในหมู่คนไทย ออกมาแสดงการต่อต้านนาย กลิน ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐฯน่าจะเป็นผู้ทราบรายละเอียดเรื่องดังกล่าวดีที่สุด เพราะมีการพูดถึงประเด็นนี้ไปมากพอสมควรแล้ว ส่วนตัวตนมองว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีประสบการณ์และความสามารถทุกด้าน จะสามารถจัดการกับเรื่องดังกล่าวได้ ส่วนจะมีการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯหรือไม่นั้น อาจจะหาโอกาสเข้าไปพูดคุย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
+++การประชุมสรุปผลการประชุมโครงการรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 9 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สรุปผลการประชุมโครงการรถไฟไทย-จีนครั้งที่ผ่านมาและเตรียมกำหนดแผนงานที่จะทำร่วมกันในระยะ 6 เดือนข้างหน้าเพื่อให้สามารถสรุปแผนงบประมาณการดำเนินการก่อสร้างทั้ง 4 ตอน ได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า และเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนพฤษภาคม 2559 โดยฝ่ายจีนจะนำแผนงานระยะ 6 เดือนกลับไปพิจารณาและกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้ง ส่วนฝ่ายไทยจะเร่งสรุปรายงานผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟไทย-จีน ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ รวมถึงได้มอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษาของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)กลับมาทบทวนงบประมาณในการก่อสร้างโครงการรถไฟไทย-จีนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากจะมีการก่อสร้างสถานีบ้านภาชี เพิ่มมาจากแผนเดิม และมองว่างบประมาณของโครงการยังสามารถปรับลดลงได้มากกว่านี้ ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยยืนยันว่าต้องต่ำกว่าร้อยละ 2 เท่านั้น
+++หลังจากได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลจีน โดยเฉพาะสัญญาซื้อขายข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ในปริมาณ 1 ล้านตันกับทาง COFCO ผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งกำหนดส่งมอบข้าวเป็นรายงวดเฉลี่ยเดือนละ 1 แสนตัน โดยจะมีการเจรจาหลังจากนี้ไปว่าจะทางจีนจะต้องการข้าวประเภทใดและชนิดใดบ้าง โดยราคาซื้อขายตามราคาตลาดโลกเป็นหลัก และน่าจะส่งมอบข้าวในล็อตแรกตั้งแต่ต้นปีหน้าและส่งมอบแล้วเสร็จภายในปีหน้าเช่นกัน
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่ากรมการค้าต่างประเทศยังคงเดินหน้าเจรจาขายข้าวให้กับรัฐบาลจีนเพิ่มเติมตามที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ว่าทางจีนจะซื้อข้าวกับไทยจำนวน 2 ล้านตันภายใน 2 ปีสิ้นสุดภายในปี 2560 ดังนั้น คาดว่าน่าจะมีข่าวดีเพิ่มเติมในไม่ช้านี้ที่ไทยจะขายข้าวให้กับรัฐบาลจีนได้อีก 1 ล้านตันภายใต้กรอบการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี ได้อย่างแน่นอน
+++ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงเดือนมี.ค.2560 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.2559 ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,333.57 จุด ลดลง 7.05 จุดมูลค่าการซื้อขาย 34,717.37 ล้านบาทต่ำสุดในรอบ 3 เดือน นักวิเคราะห์มองว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ หลังจากที่ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ออกแล้ว ซึ่งตลาดฯก็มองว่ามาตรการที่ออกมาไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากนัก โดยต้องติดตามการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)ในวันนี้ว่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันหรือไม่ และรอดูตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ ซึ่งมองว่าไม่ว่าตัวเลขจะออกมาอย่างไร ทางธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ก็ดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่แล้ว ซึ่งก็ต้องรอดูความชัดเจนในการประชุมกลางเดือนนี้ ซึ่งในช่วงก่อนที่จะมีการประชุมเฟด ตลาดฯอาจมีความผันผวนได้
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นในต่างประเทศดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศมาตรการกระตุ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลง 435.42 จุด แตะที่ 19,504.48 จุ
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลง181.12 ที่ 22,235.89 จุด
+++นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่งหนังสือถึงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้ทบทวนประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2557 ใน 4 ประเด็นหลัก เช่นทบทวนการขอรับเงินบริจาคจากบุคคลภายนอกได้ เพื่อพรรคจะสามารถบริหารค่าใช้จ่ายต่อไป และขอจัดประชุมพิจารณา รวมทั้ง ดำเนินการทางวินัย จรรยาบรรณของสมาชิก ตลอดการลงโทษสมาชิกในกรณีที่จำเป็น เพราะพรรคมีผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้รับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคต้องรับผิดชอบ ในการติดตามตรวจสอบการทำงานบุคคลเหล่านี้ ตามนโยบาย เพื่อความโปร่งใสของพรรค 1 ในนั้น คือ กรณี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ด้วย เนื่องจากเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม โดยเฉพาะเรื่องถูกกล่าวหาการทุจริต ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคต้องรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้ประชาชนที่ให้การสนับสนุนเกิดความไม่มั่นใจ
+++แก้รถติด พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ร่วมกันปล่อยแถวกองปราบตำรวจจราจรใน "โครงการฝ่าฝืนกฎ รถติด ถูกจับแน่" ที่บริเวณใต้สะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าว ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.วิภาวดีกว่า 50 นาย โดยแบ่งเจ้าหน้าที่เป็น 2 ชุด ชุดที่ 1 ไปตรวจจับรถย้อนศรหรือไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรบริเวณหน้าวัดเสมียนนารี ชุดที่ 2 ไปตรวจจับรถย้อนศรหรือไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรบริเวณคลองลาดยาว ทั้งนี้ยังนำเครื่องตรวจจับความเร็วและอุปกรณ์ที่ใช้ในการล็อคล้อรถมาแสดง พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้กฎหมายการจราจรอย่างเคร่งครัด ในการดำเนินกับผู้กระทำผิดบนท้องถนน อาทิ จอดรถกีดขวางเส้นทางจราจร ขับขี่รถผิดช่องทางที่กฎหมายกำหนด เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาด้านการจราจรติดขัดบนท้องถนน ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ "โครงการฝ่าฝืนกฎ รถติด ถูกจับแน่" โดยการกระทำความผิดกรณีดังกล่าวปรับไม่เกิน 500 บาท แต่หากพบว่ามีรถกีดขวางและยังถูกล็อคล้อ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ส่วนกรณีไม่พกใบขับขี่ หรือ นำรถที่มีอุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบมาใช้บนท้องถนน ปรับไม่เกิน 200 บาท อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีเจตนาในการเรียกรับผลประโยชน์ต่อผู้ใช้รถบนท้องถนน เพียงแต่ต้องการลดปัญหาด้านการจราจรในกรุงเทพมหานครให้น้อยลง เพื่ออำนวยความสะดวกและให้มีผลกระทบน้อยที่สุดกับประชาชนกรุงเทพมหานคร
+++บีบีซีรายงานอ้างนายชอดูรี ไนซาร์ อาลี ข่าน รัฐมนตรีความมั่นคงภายในปากีสถานว่า รัฐบาลปากีสถานไม่อนุญาตให้ผู้อพยพ 30 คนเข้าเมือง หลังถูกเนรเทศออกจากกรีซ ระบุว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จึงไม่สามารถพิสูจน์สัญชาติได้แน่ชัดและถูกส่งกลับกรีซแล้ว ก่อนหน้านี้ คนกลุ่มนี้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้อพยพที่เดินทางโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำจากกรุงเอเธนส์ มาถึงกรุงอิสลามาบัดเมื่อวานนี้ ส่วนอีก 19 คนมีบัตรประจำตัวที่ทางการปากีสถานออกให้อย่างถูกต้อง จึงได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งยุโรป(ยูโรสแต็ท) ปากีสถานเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้อพยพจำนวนมากลักลอบเดินทางเข้าไปยังยุโรปอย่างผิดกฎหมาย ก่อนหน้านี้รัฐบาลปากีสถานได้ระงับข้อตกลงกับสหภาพยุโรป(อียู)เรื่องการรับกลับผู้อพยพชาวปากีสถานที่ถูกขับออกจากกลุ่มอียูหลังเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย อ้างว่าอียูใช้ข้อตกลงนั้นอย่างบิดเบือน ที่ผ่าน