*รอบโลก:ปูติน เรียกร้องต่อสู้ก่อการร้าย-จะคว่ำบาตรตุรกีเพิ่ม/คนร้ายกราดยิงในสหรัฐฯเคยติดต่อกับกลุ่มก่อการร้าย*

04 ธันวาคม 2558, 05:32น.
















+++ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสแถลงนโยบายและผลงานประจำปี หรือ สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน ประจำปี 2558 ที่ทำเนียบเครมลิน ในกรุงมอสโก เรียกร้องต่อประชาคมโลกให้ร่วมมือสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียวต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย พร้อมประกาศจะใช้มาตรการคว่ำบาตรตุรกีเพิ่มอีก เพื่อเป็นการลงโทษที่ตุรกียิงเครื่องบินรบรัสเซียตกในซีเรีย ประธานาธิบดีปูติน ระบุว่า สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศพันธมิตร ทำให้ อิรัก ซีเรียและลิเบีย กลายเป็น พื้นที่ที่เป็นภัยคุกคามต่อทั้งโลก โจมตีตุรกี ปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายหาเงิน ด้วยการขายน้ำมันที่ขโมยจากซีเรีย และเงินดังกล่าวถูกใช้ไปในการระดมนักรบรับจ้าง ซื้ออาวุธ และโจมตีก่อการร้ายอย่างโหดเหี้ยมต่อพลเมืองรัสเซีย รวมทั้งพลเมืองของฝรั่งเศส เลบานอน ประเทศมาลี และประเทศอื่นๆ  การกระทำของตุรกี เป็นการก่ออาชญากรรมสงครามแบบหักหลังรัสเซียกรณีที่ยิงเครื่องบินรบรัสเซียตก บริเวณเขตแดนด้านติดกับซีเรีย



+++หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กับนายเมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี มีโอกาสพบปะกันเป็นครั้งแรก รอบนอกการประชุมองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป ที่กรุงเบลเกรดของเซอร์เบีย ถือเป็นการติดต่อกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองประเทศครั้งแรก รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี กล่าวแสดงความเสียใจต่อกรณีการเสียชีวิตของนักบินรัสเซีย แต่ความบาดหมางระหว่างสองชาติดูเหมือนไม่จบลงง่ายๆ  เนื่องจากรัสเซีย บอกว่าผลการหารือไม่มีอะไรใหม่ และต่างฝ่ายต่างก็ยังอยู่ในจุดยืนของตัวเอง



+++ส่วนประเด็นที่รัสเซียกล่าวหาตุรกีว่านำเข้าน้ำมันเถื่อนจากไอเอส รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี กล่าวว่า ก็มีการพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน และหวังว่ารัสเซียจะถอนข้อกล่าวหาที่ไร้หลักฐานนี้



+++ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของรัสเซีย ยืนยันเช่นกันว่าการเจรจาไม่มีความคืบหน้า รัฐมนตรีตุรกียืนยันถึงจุดยืนเดิมที่เคยพูดก่อนหน้านี้ ส่วนเราก็ยืนยันถึงมุมมองของเรา



+++ขณะที่ในที่ประชุมองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า กองกำลังทางภาคพื้นดินของชาวซีเรียและอาหรับ จะต้องได้รับการจัดตั้งขึ้นมาเพื่อสู้รบกับกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) การโจมตีทางอากาศอย่างเดียวย่อมไม่สามารถเอาชนะกลุ่มไอเอสได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด การถ่ายโอนอำนาจทางการเมืองในซีเรียจะปูทางไปสู่การปราบปรามกลุ่มไอเอสในทิศทางเดียวกัน คือ กองทัพซีเรีย ร่วมกับกลุ่มนักรบฝ่ายต่อต้าน รัสเซีย สหรัฐฯและพันธมิตรอื่นๆร่วมมือกันปราบปรามกลุ่มไอเอสอย่างจริงจัง หากเป็นเช่นนี้ คาดว่ากลุ่มไอเอสจะถูกปราบปรามให้หมดสิ้นภายในเวลาไม่กี่เดือน





 +++องค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์สว็อช ประณามร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่สมาชิกนิติบัญญัติมาเลเซียเสนอให้รัฐสภาพิจารณาในสัปดาห์นี้ ว่าเป็นเครื่องมือในการกดขี่ฝ่ายต่อต้าน กฎหมายนี้จะให้อำนาจแก่รัฐบาลในการประกาศว่า พื้นที่ใดมีปัญหาด้านความมั่นคง อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องสงสัยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ  องค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์สว็อช ระบุว่า มีโอกาสที่ภาครัฐจะนำกฎหมายนี้มาใช้อย่างบิดเบือน แต่รัฐบาลยังไม่แสดงความเห็นในประเด็นนี้           

+++ไปที่สหรัฐฯ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เปิดเผยว่า คณะสืบสวนยังไม่ทราบแรงจูงใจของ 2 คนร้ายที่ก่อเหตุกราดยิงที่ศูนย์พัฒนาผู้ทุพพลภาพของทางการเมืองซานเบอร์นาร์ดิโน ศูนย์แห่งนี้อยู่ห่างจากนครลอสแองเจลีส ไปทางตะวันออกราว 100 กิโลเมตร แต่มีความเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับก่อการร้าย และก็มีความเป็นไปได้ที่อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องการงานเช่นกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สหรัฐฯ ลดธงชาติลงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อโศกนาฏกรรมที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก  ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จำเป็นต้องผ่านกฎหมายที่จะทำให้ผู้ที่ประสงค์ร้ายต่อคนอื่นๆเข้าถึงอาวุธได้ยากขึ้น ขณะที่ เอฟบีไอ บอกว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดเดามูลเหตุจูงใจของคนร้าย



+++คนร้ายที่ก่อเหตุทั้งสองคน คือ นายไซเอ็ด ฟารุก พลเมืองอเมริกันอายุ 28 ปีซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อมของหน่วยงานในพื้นที่นั้น ส่วนผู้หญิงชื่อ นางทัชฟีน มาลิก อายุ 27 ปี ยังไม่ทราบว่ามีสัญชาติใด รายงานต่อมากล่าวว่า ทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกันและมีลูกสาววัย 6 เดือน ตำรวจยิงทั้งคู่เสียชีวิตระหว่างการ ไล่ล่าและสามารถโอบล้อมกระหน่ำยิงรถยนต์เอสยูวีสีดำซึ่งเป็นพาหนะที่ทั้งสองใช้หลบหนีหลังก่อเหตุ



+++จาร์ร็อด เบอร์กวน ผู้บัญชาการตำรวจเมืองซานเบอร์นาร์ดิโน บอกว่าการโจมตีนี้อาจเป็นปฏิบัติการก่อการร้าย ขณะที่ซีเอ็นเอ็น อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายระบุว่า นายฟารุค น่าจะเป็นพวกหัวรุนแรง แต่ก็อาจมีปัจจัยอื่นๆที่มีบทบาทต่อแรงจูงใจของเขาเช่นกัน ส่วนเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอีกคนให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า นายฟารุค เคยติดต่อทางโทรศัพท์และสื่อสังคมออนไลน์กับพวกก่อการร้ายสากลที่กำลังอยู่ภายใต้การสืบสวนของเอฟบีไอมากกว่า 1 คน



+++ตำรวจ เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องสงสัยทั้งสองพบวัตถุคล้ายระเบิดท่อ 12 อันและกระสุนหลายพันนัด ขณะเดียวกันก็พบว่าปืน 4 กระบอกที่คนร้ายใช้ลงมือโจมตีนั้น เป็การซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  



+++เบลเยียม ตั้งข้อหา 2 ผู้ต้องสงสัยรายใหม่ ในความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ปารีส ฝรั่งเศส ทำให้จำนวนผู้ที่ถูกควบคุมตัวในคดีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 8 คน ผู้ต้องสงสัยคนนึ่งที่ถูกตั้งข้อหาล่าสุดนี้ เป็นรู้จักกันในชื่อ บิลาล ฮัดฟี อยู่ในกลุ่มมือระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามกีฬาแห่งชาติของฝรั่งเศส ทางตอนเหนือของปารีส ผู้ต้องสงสัยคนนี้ เป็นชาวฝรั่งเศสอายุ 20 ปี ถูกควบคุมตัวได้ที่สนามบินซาเวนเทม ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงบรัสเซลส์ ขณะกำลังเตรียมตัวจะบินออกนอกประเทศไปโมร็อกโก ส่วนผู้ต้องสงสัยคนที่สอง เป็นชาวเบลเยียมวัย 28 ปี ถูกจับกุมในเขตโมเลนบีคของกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นเขตที่มีคนร้ายในคดีโจมตีฝรั่งเศสอาศัยอยู่หลายคน       



 +++สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ว่าเว็บไซต์ 38 นอร์ธ ของสถาบันสหรัฐ-เกาหลี แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ของสหรัฐฯ เผยภาพถ่ายดาวเทียมแสดงความเคลื่อนไหวล่าสุดบริเวณฐานปล่อยจรวดปุงกเย-รี ในเขตนิคมนิวเคลียร์ยองบยอน ทางตอนเหนือของเกาหลีเหนือ ว่ามีการขุดอุโมงค์แห่งใหม่เพิ่มขึ้นจากอุโมงค์เดิม 3 แห่ง ที่ใช้สำหรับการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ 3 ครั้งล่าสุด ในปี 2549, 2552 และ 2556 ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่า วัตถุประสงค์ของการขุดอุโมงค์แห่งใหม่ที่น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเม.ย.ปีนี้ ก่อนที่ดาวเทียมทำการบันทึกภาพระหว่างเดือนต.ค.-พ.ย. คือเพื่อเตรียมการสำหรับการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 แต่กำหนดการยังไม่น่าเกิดขึ้นภายในอนาคตอันใกล้นี้ รายงานของเว็บไซต์ 38 นอร์ธ สอดคล้องกับข้อมูลของสื่อเกาหลีใต้ที่รายงานเมื่อช่วงปลายเดือนต.ค. ว่าเกาหลีเหนือกำลังขุดอุโมงค์แห่งที่ 4 เพื่อการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งใหม่



+++ไปที่อินเดีย กองทัพอินเดียอยู่ระหว่างเร่งกู้ภัยครั้งใหญ่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมในเมืองเชนไน เมืองเอกของรัฐทมิฬนาฑู ทางภาคใต้ของประเทศ กระทบชาวบ้านราว 70 ล้านคน เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศคาดว่าฝนจะตกต่อเนื่องไปอีก 3 วัน ทหารสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้วกว่า 2,000 คน ขณะเดียวกันกองทัพเรือ ได้ส่งเรือรบลำหนึ่งบรรทุกนักประดาน้ำ เรือเล็กและสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปร่วมกู้ภัยครั้งนี้ด้วย



+++ส่วนสนามบินในเมืองเชนไนจะยังคงปิดให้บริการไปจนถึงวันอาทิตย์นี้ ขณะที่การรถไฟระงับการให้บริการชั่วคราวในระยะนี้ พายุดีเพรสชั่นขึ้นฝั่งในแถบอ่าวเบงกอลทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องมา 3 วันแล้วโดยเฉพาะในแถบชายฝั่ง น้ำท่วมบ้านเรือน โรงพยาบาล ถนน ทางรถไฟและสนามบินประจำเมือง



+++ศาลอุทธรณ์แห่งแอฟริกาใต้ มีคำพิพากษากลับคำตัดสินคดีของออสการ์ พิสโตเรียส นักวิ่งขาพิการชื่อดัง ก่อเหตุยิง รีว่า สตีนแคมป์ แฟนสาวของตัวเอง เสียชีวิตในบ้านพักเมื่อวันวาเลนไทน์ปี 2013 โดยระบุว่าพบความผิดฐานเจตนาฆาตกรรม จากคำตัดสินเดิมที่ระบุว่ามีความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา   คำพิพากษาจากศาล ระบุว่า ศาลที่ตัดสินคดีพิสโตเรียสก่อนหน้านี้ตีความกฎหมายพลาด เนื่องจากการที่นักวิ่งรายนี้ยิงปืนถึง 4 นัดทะลุผ่านประตูห้องน้ำ เจ้าตัวย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายอาจเสียชีวิตจากการกระทำดังกล่าว เท่ากับว่าพิสโตเรียสมีความผิดฐานเจตนาฆาตกรรม ซึ่งระวางโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 15 ปี จากเดิมที่รับโทษข้อหาฆ่าคนโดยไม่เจตนา และโดนจำคุกไป 5 ปี จากนี้ พิสโตเรียสต้องกลับมาขึ้นศาลอีกครั้งในปีหน้า เพื่อรับฟังว่าจะโดนลงโทษหนักแค่ไหน ทั้งนี้ พิสโตเรียส สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลรัฐธรรมนูญแอฟริกาใต้ได้อีกครั้งถ้าหากมองว่าคำพิพากษาดังกล่าวไม่เป็นธรรม



CR:CNN,AFP



 





 
ข่าวทั้งหมด

X