หลังสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา หรือ เอฟเอเอ ประกาศลดอันดับมาตราฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยจากประเภทที่ 1 มาเป็นประเภทที่ 2 เนื่องจากมาตรฐานการบินของไทยไม่เป็นไปตามมาตราขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากการไปประชุมระดับสูงของประมุขรัฐและหัวหน้ารัฐบาลในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 11 ที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่า รัฐบาลกำลังตรวจสอบอยู่และขอให้รอคณะกรรมการในการดำเนินการเรื่องนี้ และขออย่านำเรื่องดังกล่าวไปขยายความให้เกิดความขัดแย้ง และเบื้องต้นได้สั่งการไปเมื่อ 2 วันก่อนที่ได้รับทราบเรื่อง ยอมรับว่า เรื่องนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล ดังนั้นทุกคนจะต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ อย่าพึ่งทะเลาะกัน เพราะความขัดแย้งไม่สามารถทำให้หลุดพ้นจากวิกฤต แต่วิกฤตซึ่งแม้จะแก้ไขอย่างไรก็เสียเวลาเปล่า แล้วจะมาบอกว่าทำไม่สำเร็จเพราะไม่ช่วยกัน ดังนั้นหากมีการขยายความกันต่อและทะเลาะกันอยู่แบบนี้จะไม่มีใครเชื่อวิธีการแก้ปัญหาของไทยอีกต่อไป เพราะมีการทะเลาะกันทั้งประเทศของคนเพียงไม่กี่คน ทำให้กระทบกับคนยากจน ทั้งนี้ไม่อยากให้มองทุกอย่างเป็นการเมือง
จากกระแสกดดันให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ลาออกนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้เรื่องนี้เป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งพล.อ.อุดมเดชคิดเองเป็น ต่างกับบางคนที่คิดไม่เป็น กฏหมายยังไม่นับ ดังนั้นขอให้รอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนขออย่าพึ่งนำไปเปรียบเทียบกับอีกคดี เพราะมีขั้นตอนเช่นกันไม่ใช่ดำเนินคดีเอาผิดทันที ส่วนจะรอให้ผลการตรวจสอบจะออกมาก่อนแล้วค่อยลาออกหรือไม่นั้น แล้วแต่ส่วนตัวของพล.อ.อุดมเดชจะพิจารณาตัวเอง แต่ยืนยันว่าหากพล.อ.อุดมเดชลาออกก็จะไม่กระทบกับ คสช. เพราะ คสช. มีถึง 4 เหล่าทัพ