การรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวพื้นที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.3 เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2557 ที่อยู่ห่างจากตัวอ.แม่สรวย 5 กิโลเมตร และห่างจากเขื่อนแม่สรวย ประมาน 20 กิโลเมตร ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัย กรมชลประทาน ร่วมกับอ.แม่สรวย จัดแผนซ้อมรับมือแผ่นเดินไหวและอพยพชาวบ้านกรณีได้รับผลกระทบ ว่าที่ ร.ต.ไพเจน มากสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ร่วมกับ อ.แม่สรวย และชุมชนในพื้นที่ จัดซ้อมแผนปฏิบัติการสำหรับกรณีฉุกเฉินของเขื่อนแม่สรวย เพื่อเตรียมพร้อมให้ชาวบ้านกรณีเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหว ในแผนการนี้เป็นการซ้อมรับกรณีฉุกเฉินระดับชุมชน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. - 1 ธ.ค. 2558 เพื่อให้หน่วยที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการร่วมกันในการทำงาน โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมฝึกซ้อมในวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและตัวแทนจากชุมชนในพื้นที่ เช่น ตัวแทนจากเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย นายอำเภอ เทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้อำนวยการโรงเรียนและตัวแทนจากสถานพยาบาลในบริเวณพื้นที่ ในวันนี้จะเป็นการเตรียมความพร้อมในเชิงข้อมูลแผนงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมซักซ้อมกับประชาชนเพื่อซ้อมภาคปฏิบัติจริงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งแผนการรับมือจะเกิดขึ้นจากในหลายกรณีเช่น กรณีแผ่นดินไหวและอาคารตัวเขื่อนชำรุดเสียหาย รวมถึงมีการระบายน้ำออกจากตัวเขื่อนเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์กรณีที่น้ำมากจริง จะมีพื้นที่น้ำท่วมประมาณ 180 ตารางกิโลเมตร โดยมีการเตรียมเส้นทาง อพยพไว้ 6 เส้นทาง ไปยังพื้นที่สูงเช่น โรงเรียน เทศบาล และวัด สำหรับประชาขนในพื้นที่จำนวน 14 หมู่บ้าน
ทั้งนี้ เขื่อนแม่สรวย สามารถรับความจุของน้ำได้ 73 ล้านลูกบาศก์เมตร รองรับแผ่นดินไหวที่รุนแรงขนาด 7 เหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.3 ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างตัวเขื่อนแต่ประชาชนในพื้นที่ ยังมีความกังวลในเรื่องแผ่นดินไหว จะขอให้เขื่อนกักเก็บน้ำไว้เพียงร้อยละ 50 ทำให้ ขณะนี้น้ำในเขื่อนแม่สรวยมีเพียง 37 ล้านลูกบาศก์เมตร
กรมชลประทาน ก็มีการติดตั้งหอเตือนภัยจำนวน 3 จุด ซึ่งได้มีการทดสอบการใช้งานแล้วเตรียมส่งมอบให้อำเภอดำเนินการต่อ จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเขื่อนแม่สรวย ยังมีความมั่นคงแข็งแรง และกรมประทาน มีการตรวจสอบอยู่ประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะเขื่อนแม่สรวยที่มีการติดตั้งเครื่องวัดแผ่นดินไหว และมีเจ้าหน้าที่ดูแล นอกจากนี้ กรมชลประทานก็มีการเตรียมซ่อมแซมอาคารระบายน้ำ เนื่องจาก กรณีที่น้ำมาก หากมีการเปิดน้ำระบายออกไปสู่พื้นที่ท้ายน้ำ จะทำให้เสียงดังทำให้ประชาชนเกิดความไม่สบายใจ แต่ไม่มีผลกระทบต่อตัวเขื่อน ดังนั้น กรมชลประทาน จะทำการซ่อมแซมให้การเปิดน้ำมีเสียงที่เบาลง เพื่อความสบายใจของชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย
ผู้สื่อข่าว: ปิยะธิดา เพชรดี