เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจปราบจลาจลกับกลุ่มผู้อพยพบริเวณพรมแดนเขตติดต่อระหว่างมาซิโดเนียกับกรีซ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 40 คน การปะทะกันมีขึ้นหลังจากที่กลุ่มผู้อพยพไม่พอใจ จากการที่ทหารมาซิโดเนียติดตั้งรั้วกั้นตามแนวพรมแดน ทำให้ผู้อพยพไม่สามารถเดินทางเข้าไปในมาซิโดเนียได้ จึงได้มีการกว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ และทำให้ตำรวจปราบจลาจลมาซิโดเนียต้องยิงปืนบรรจุกระสุนยางใส่กลุ่มผู้อพยพ เพื่อควบคุมสถานการณ์
กระทรวงกิจการภายในของมาซิโดเนียเผยว่า ในจำนวนผู้บาดเจ็บประกอบด้วยตำรวจ 18 นาย และผู้อพยพ 20 คน ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและมีปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจ ก่อนหน้านี้ทางการมาซิโดเนียระบุว่า การติดตั้งแนวรั้วกั้นตามพรมแดนมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดระเบียบการเดินทางเข้าสู่มาซิโดเนียใหม่ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีนโยบายปิดพรมแดนเต็มรูปแบบ แม้ว่ากลุ่มประเทศบอลข่านจะจำกัดผู้อพยพมากขึ้น แต่จะยอมให้เฉพาะผู้อพยพจากซีเรีย อิรัก และอัฟกานิสถานเท่านั้นที่จะเดินทางเข้าสู่มาซิโดเนียได้ ซึ่งทำให้ผู้อพยพจากประเทศอื่นๆ หลายร้อยคนต้องตกค้างในกรีซ จนนำไปสู่การเกิดเหตุความรุนแรงขึ้น ด้านองค์การเพื่อผู้อพยพสากลเผยว่า เฉพาะเดือนนี้มีผู้อพยพเดินทางผ่านกรีซเข้าสู่มาซิโดเนีย เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรปแล้วราว 105,000 คน คาดว่าตลอดทั้งปีนี้มีผู้อพยพเดินทางผ่านกรีซทั้งสิ้น 720,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวซีเรีย อิรัก และอัฟกานิสถาน
**10.06F174**