หลังพบกลุ่มเคลื่อนไหวเตรียมก่อความไม่สงบในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงการจัดกิจกรรม ปั่นเพื่อพ่อ Bike For Dad และมุ่งเป้าลอบทำร้ายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการกระทำตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และจากการสอบสวนเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมกับกลุ่มการเมือง แต่จากการโพสต์ข้อความพบว่าเป็นกลุ่มขอนแก่นโมเดล ที่ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการหรือ นปช. ดังนั้น แกนนำของ นปช.จะออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะ นปชเป็นผู้ออกมากล่าวหาว่า รัฐบาลสร้างเรื่องดังกล่าวขึ้นมาเพื่อที่จะกลบเกลื่อนกรณีการตรวจสอบการทุจริตของโครงการอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งกรณีนี้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่และทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
ส่วนการข่มขู่ลอบทำร้าย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การออกมาข่มขู่ในช่วงเวลาสำคัญไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือใครก็ตาม พร้อมยืนยันว่าจะลงพื้นที่พบปะประชาชนตามปกติไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ใด ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์เสี่ยงอันตรายแค่ไหน เพราะตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศก็พบกับความเสี่ยงมากอยู่แล้ว และไม่ใช่เพียงในประเทศไทยที่เจอกับความเสี่ยงแต่สถานการณ์ทั่วโลกในขณะนี้ก็พบกับความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ จึงขอย้ำว่าเข้ามาบริหารประเทศด้วยเจตนารมย์ที่ต้องการให้ประเทศไทยเดินหน้า และรักษาผลประโยชน์ของชาติไม่ว่าจะในช่วงเวลานี้หรือในอนาคต
สำหรับการประชุมแม่น้ำ 5 สายเมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เป็นการสอบถามและรับทราบความก้าวหน้า รับฟังแนวทางของการวางกรอบการทำงานทุกๆ คนว่าซึ่งได้อธิบายไปด้วยว่า 10 ข้อที่เสนอไปให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญพิจารณา ไม่ใช่การสั่งการเพียงแต่เป็นการแจ้งข้อมูลให้ทราบและให้พิจารณาเท่านั้นและยืนยันว่า ไม่ได้ปิดกั้นใคร ซึ่งหากใครส่งข้อเสนอมาให้ก็จะส่งต่อไปให้ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาอยู่แล้ว
ขณะนี้การร่างรัฐธรรมนูญไม่มีปัญหาใดๆ ซึ่งควรสร้างการรับรู้ต่อไป อย่าสร้างความขัดแย้ง และประเด็นที่สำคัญคือ ต้องถามว่าประเทศไทยต้องการการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ส่วนความคิดเห็นของ ครม.ถึงข้อเสนอแนะเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ขณะนี้กำลังรวบรวมและในสัปดาห์หน้าจะส่งเรื่องปฏิรูปว่ารัฐบาลได้ทำสิ่งใดมาแล้ว และจากนี้ไปถึง ก.ค.2560 จะเน้นเรื่องอะไร เพราะมีหลายเรื่อง เกรงว่าประชาชนจะสับสนว่าเรื่องใดทำหรือยังไม่ทำ ซึ่งจะได้สรุปส่งไปจากนั้น สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะได้ทำแผนปฏิรูป