*รอบวัน(2):รบ.เร่งเดินหน้าปฎิรูป-ชวนลงทุนเขตศก.พิเศษ/เม็ดเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเริ่มเข้าสู่ระบบ*

26 พฤศจิกายน 2558, 08:57น.


+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ประชุมวางกรอบการปฏิรูป โดยมีตัวแทนของแม่น้ำทั้ง 5 สาย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมหารือการวางกรอบการปฏิรูปในภาพรวม เนื่องจากในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี สั่งการเรื่องการปฏิรูปโดยมอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 คน ทำเรื่องการปฏิรูป 8 ด้าน และให้ประสานกับสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ (สปท.)ด้วย  สปท.ได้ทำกรอบในส่วนของตัวเอง ขณะที่ ครม.ได้ทำในส่วนของครม.และมาจัดลำดับความสำคัญ มาคุยกันว่าจะทำการปฏิรูปเรื่องอะไร อย่างไรบ้าง รวมถึง แม่น้ำแต่ละสายได้มารายงานความคืบหน้า งานที่ตัวเองรับผิดชอบให้นายกรัฐมนตรีฟัง



+++นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)กำหนดที่มา ส.ว.อาจเป็นการ เลือกตั้งทางอ้อมว่า ประเด็นอยู่ที่ว่าจะ ออกแบบอย่างไร ให้มีระบบถ่วงดุลและการตรวจสอบ ถือว่าเป็นหลักการสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตย การถ่วงดุลและการตรวจสอบระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ การมี ส.ว.มาตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง เพื่อรักษาระบบถ่วงดุลอำนาจ ที่มาของ ส.ว.จะมา อย่างไรก็ตาม ต้องตอบโจทย์การสร้างดุลอำนาจและถูกต้องให้เกิดขึ้นได้ ส.ว.จะมาจากการ เลือกตั้ง สรรหา หรือผสมทั้งสองอย่าง ถ้าวุฒิสภาไม่สามารถทำหน้าที่สร้างดุลอำนาจที่เหมาะสม ไม่ใช่คำตอบของการปฏิรูปประชาธิปไตยอย่างแท้จริง



+++ความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษแก่สมาชิกหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย เชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และกลุ่มอุตสาหกรรมคลัสเตอร์ใหม่ เช่น คลัสเตอร์รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล เมดิคอล ฮับ อาหาร และพลังงาน ที่จะเป็นอนาคตทางด้านเศรษฐกิจของไทย โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ยืนยันว่าไทยมีความพร้อมที่จะสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ และมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นถนนมอเตอร์เวย์ รถไฟฟ้าทั้ง 10 สาย รถไฟความเร็วปานกลางและความเร็วสูง ทุกประเทศสามารถเข้ามามีส่วนร่วม และยืนยันว่าไทยไม่เข้าข้างประเทศใด



+++นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า  การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเริ่มอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบแล้ว 6.7 แสนล้านบาท และพยายามเดินหน้าในการดำเนินโครงการใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการออกมาตรการผ่อนคลายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการต่างๆ สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ขณะนี้ คือ การเร่งกระจายเม็ดเงินลงไปในระบบ ทั้งในส่วนของเกษตรกร ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี )รวมถึงการพยายามทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ผ่านการออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ขณะที่โครงการเมกะโปรเจคต์ต่างๆ เริ่มเห็นผลชัดเจนในปีหน้า         



+++หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ. การจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายวงเงิน 10,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างทำรายละเอียดเพิ่มเติม หวังว่าการดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาล จะสนับสนุนให้ไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน และประกอบธุรกิจในอนาคต ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน         



+++ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  รัฐบาลไทยต้องการให้ภาคธุรกิจของญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ญี่ปุ่นสนับสนุนให้ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี)  นอกจากนี้ จะมีการลงนามในบันทึกความร่วมมือด้านระบบรางเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกตอนล่าง เส้นทางระหว่างท่าเรือแหลมฉบัง-สระแก้ว กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี ที่เชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย



+++การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,813.39 จุด เพิ่มขึ้น 1.20 จุด ดัชนี แนสแดค ปิดที่ 5,116.14 จุด เพิ่มขึ้น 13.33 จุด ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,088.87 จุด ลดลง 0.27 จุด เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับตัวลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving)



+++น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ ปิดที่ 43.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 46.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



+++ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,070.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++ เรื่องพลังงาน นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ.คาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ปี 2559 อยู่ที่ระดับ 28,300- 29,000 เมกะวัตต์ โดยระดับเฝ้าระวังอยู่ที่ 28,500 เมกะวัตต์ จากปีนี้พีคสูงสุด อยู่ที่ 27,346 เมกะวัตต์ วันที่ 11 มิ.ย. ที่อุณหภูมิ 36.7 องศาเซลเซียส เป็นไปตามคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า ปีหน้าอุณหภูมิเฉลี่ยอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส โดยทุกอุณหภูมิที่สูงขึ้นทุก 1 องศา การใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 230 เมกะวัตต์ และเป็นผลจากการขยายตัวเศรษฐกิจไทย ขยายตัวร้อยละ 2-3 ส่งผลต่อความต้องการใช้พลังงานของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7-3.5  สนพ. ได้เตรียมมาตรการเพื่อลดการใช้ไฟฟ้าสูงสุด การขอเลื่อนปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติ เจดีเอ เอ-18 ประจำปี 2559 จากเดิมเดือน ม.ค. เป็นเดือน มิ.ย.ว่า ผู้ผลิตฯ ตกลงเลื่อนการปิดซ่อมท่อก๊าซฯ ออกไปตามที่ไทยเสนอ เนื่องจากเดือน ม.ค. เป็นช่วงที่ภาคใต้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด จึงไม่ต้องการให้เกิดความเสี่ยง



+++ข่าวดี อาการของปอ ทฤษฎี สหวงษ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 15 ภายหลังจากผ่าตัดหยุดเลือดในลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ภายหลังอาการของผู้ป่วยใน 24 ชั่วโมง มีอาการทรงตัวขึ้น ความดันเลือดควบคุมได้ดี โดยสามารถลดยากระตุ้นความดันเลือดได้ ผู้ป่วยสามารถกะพริบตาได้เอง และสามารถหายใจได้เองบางส่วน แต่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจประคับประคอง สามารถหยุดยาคลายกล้ามเนื้อ การทำงานของตับและภาวะไตวายเฉียบพลันคงที่ ขณะนี้ยังต้องได้รับการรักษาด้วยยาต้านแบคทีเรียและเชื้อรา สารอาหาร ทางหลอดเลือดดำและทางสายยางและการฟอกไตต่อเนื่อง โดยสรุป แม้ตรวจไม่พบเชื้อ ไข้เลือดออกในตัวผู้ป่วยแล้ว แต่ผู้ป่วยยังอยู่ ในขั้นวิกฤติที่มีภาวะโรคแทรกซ้อนที่เหลืออยู่ ได้แก่ ภาวะไตวายเฉียบพลัน และการติดเชื้อ แต่ยังคงต้องได้รับการเฝ้าระวังในซีซียูต่อไป



+++พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงสถานการณ์การจราจรติดขัดในพื้นที่กรุงเทพฯว่าเชิญ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงมาพูดคุยให้ทราบถึงปัญหาพร้อมสั่งการกำชับให้แก้ไขให้การจราจรดีขึ้นร้อยละ 40-50 ภายใน 3 เดือน ซึ่ง พล.ต.ท.ศานิตย์ทราบปัญหาและขอเวลาในการแก้ไขปัญหานี้เป็นเวลา 3 เดือน ได้คาดโทษไว้แล้วว่าต้องแก้ปัญหาการจราจรให้ได้ จะถึงขั้นต้องเปลี่ยนตัว ผบช.น.หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ต้องดูว่าเขาทำหน้าที่ได้หรือไม่ ไม่ใช่คนบ้าอำนาจ หรือไม่มีเหตุผล หากแก้ปัญหาได้ก็ต้องส่งเสริมต่อไป

ข่าวทั้งหมด

X