ในการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมลงนามปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยการจัดตั้งประชาคมอาเซียน ค.ศ.2015 และปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน ค.ศ.2025 ซึ่งเลขาธิการอาเซียนจะมีการประกาศการจัดตั้งประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ และรับรองแผนงานประชาคมอาเซียน ในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเน้นการมีส่วนร่วม และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ส่วนในการที่นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 10 ร่วมกับ 18 ประเทศ เพื่อร่วมกำหนดทิศทางและบทบาทของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (อีเอเอส) ที่มีอาเซียนเป็นศูนย์กลาง และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย ถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องอาศัยความร่วมมือและรับผิดชอบร่วมกันจากประชาคมระหว่างประเทศ และขอให้ร่วมกันหยุดการค้ามนุษย์และหาหนทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต้นทาง นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงแนวทางการทำงานของรัฐบาลไทยว่า กำลังอยู่ในช่วงการเตรียมความพร้อมไปสู่การเลือกตั้งเพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล และเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าร่วมพิธีปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 27 และร่วมในพิธีส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนของมาเลเซีย ให้กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่าในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังสนับสนุนการออกแถลงการณ์กัวลาลัมเปอร์เพื่อฉลองครบรอบ 10 ปีของอีเอเอส พร้อมกล่าวด้วยว่า ปัญหาการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ เหตุการณ์ก่อการร้ายในกรุงปารีสแสดงให้เห็นว่ามีความจำเป็นที่ประเทศต่างๆ จะต้องแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกอย่างทันท่วงทีและสม่ำเสมอ โดยต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เช่น ส่งเสริมการพัฒนาที่ครอบคลุม ความอดทนอดกลั้น และความเข้าใจอันดีระหว่างกลุ่มต่างๆ ในสังคม จำเป็นต้องป้องกันการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในทางที่ผิด เพื่อต่อต้านลัทธิสุดโต่งที่ใช้ความรุนแรง และส่งเสริมขบวนการผู้ยึดทางสายกลางระดับโลก
โดยในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดแสดงวิสัยทัศน์ทิศทางการพัฒนาของประเทศไทย ในงานการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศของสหประชาชาติ ที่โรงแรมเชอราตัน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเพื่อจัดทำข้อเสนอการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพเชิงนวัตกรรม เพื่อมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเป็นครั้งแรกต้องติดตามมาตรการพิเศษที่ออกมา
คณะกรรมาธิการปฏิรูปด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เข้าพบนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อหารือถึงข้อเสนอการเลือกตั้ง สส.ให้ปลอดจากการซื้อเสียง
ส่วนสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิก สปท.ในฐานะโฆษก สปท. เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 และ 24 พฤศจิกายนนี้ ประธาน สปท.มีคำสั่งงดการประชุมใหญ่ สปท. เพื่อให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำทั้ง 11 คณะและคณะกรรมาธิการวิสามัญด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประชุมจัดทำรายงานแผนการปฏิรูปส่ง สปท.ภายในวันที่ 9 ธันวาคมนี้
โดยบ่ายวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. พร้อมด้วยรองประธาน สปท. ทั้ง 2 คน จะแถลงรายละเอียดการทำงานที่ผ่านมา และแผนการทำงานในระยะต่อไป ที่อาคารรัฐสภา 2
ส่วนในการที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จัดสัมมนาเรื่อง "การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ" ที่จังหวัดเชียงรายเป็นเวทีแรกจากเวที 4 ภูมิภาค โดยมีตัวแทนประชาชน และผู้นำท้องถิ่น รวมถึงตัวแทนส่วนราชการในพื้นที่ภาคเหนือ 15 จังหวัด จำนวน 150 คนเข้าร่วมการแสดงความเห็น ในเรื่องสิทธิเสรีภาพและหน้าที่ของประชาชนที่พึงปรารถนา, เรื่องหน้าที่ของรัฐที่พึงปรารถนา, เรื่องการได้มาซึ่งแทนที่พึงปรารถนา, เรื่องการกระจายอำนาจที่พึงปรารถนา, แนวทางการปฏิรูปประเทศที่พึงปรารถนา และความคิดเห็นต่อแนวทางการลงโทษบุคคลที่ทุจริตหรือทำผิดการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการแสดงความเห็นอย่างหลากหลาย รวมถึงการเรียกร้องให้ปรับปรุงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ และคดีทุจริตต้องไม่มีอายุความ นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอให้ลงโทษผู้ที่ล้มล้างรัฐธรรมนูญ
ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด มีหนังสือถึงนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. เพื่อเสนอแนะความเห็นเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ โดยควรให้องค์กรอัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ปลอดจากการแทรกแซงทางการเมือง โดยเฉพาะจากฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลมีองค์ประกอบในลักษณะเดียวกับศาล และพนักงานอัยการมีความรับผิดชอบทางการเมืองคือ อาจถูกถอดถอนโดยวุฒิสภาได้ เช่นเดียวกับองค์กรตามรัฐธรรมนูญอื่นๆ
ด้านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระหว่างเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2553 คาดว่าสัปดาห์นี้ จะมีความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเอกสารกว่า 30 เรื่อง ที่ทาง ป.ป.ช. ได้ประสานขอไปก่อนหน้านี้เข้ามาแล้ว และเจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบเพื่อเสนอต่อที่ประชุมอนุกรรมการไต่สวน โดยคณะทำงานจะมีการประชุมในสัปดาห์นี้
*-*