สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติเสียงข้างมาก 289 ต่อ 137 เสียง ให้เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการรับผู้อพยพลี้ภัยที่มาจากอิรักและซีเรีย ซึ่งพบว่า ในกลุ่มผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนให้เพิ่มมาตรการตรวจสอบเป็นเสียงที่มาจากพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีบารัค โอบามาผู้นำสหรัฐเอง 47 เสียง
นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งครองเสียงข้างมากในสภา กล่าวว่าการลงมติในครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐกำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านความมั่นคง เนื่องจากเหตุก่อการร้ายที่กรุงปารีส เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ที่มีผู้เสียชีวิต 129 ศพ และกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส ที่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุยังประกาศว่าจะโจมตีนครนิวยอร์คเป็นเป้าหมายต่อไป
และหลังจากขั้นตอนการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จะมีการส่งกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา ที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากเช่นกัน ซึ่งทำเนียบขาวสหรัฐเตือนว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาอาจใช้อำนาจยับยั้ง ผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากจำนวนเสียงที่ยังไม่ถึง 290 ซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำตามกฎหมายที่ห้ามประธานาธิบดีสหรัฐใช้อำนาจยับยั้ง ทั้งเห็นว่าพรรครีพับลิกันมีความวิตกกังวลมากจนเกินไปจนข้ามหลักการมนุษยธรรม โดยเฉพาะหนึ่งในข้อเรียกร้องที่ระบุให้ เอฟบีไอ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตลอดจนสำนักข่าวกรองต้องลงนามรับรองผู้ลี้ภัยที่เข้ามาตั้งรกรากเป็นผู้ที่ไม่เป็นภัยคุกคามความมั่นคง
โดยในรายงานของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2554 มีผู้ลี้ภัยชาวซีเรียได้รับอนุมัติสถานะผู้ลี้ภัยในประเทศแล้ว 2,174 คน และยังไม่มีใครถูกจับกุมหรือถูกเพิกถอนสถานะผู้ลี้ภัยด้วยข้อหาก่อการร้ายแม้แต่คนเดียว
..F163..