+++เอเอฟพี รายงานว่า นายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์ ของฝรั่งเศส เตือนว่า ฝรั่งเศสเสี่ยงถูกกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)โจมตีด้วยอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ เป็นผลพวงจากการที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมกับสหรัฐฯและพันธมิตรเพื่อปราบปรามกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ชี้แจงเรื่องนี้ต่อที่ประชุมส.ส.ที่อภิปรายเรื่องการขยายการบังคับใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินต่ออีก 3 เดือน
+++นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เรียกร้องให้สหภาพยุโรป(อียู) ใช้มาตรการเร่งด่วนเพื่อแบ่งปันข้อมูลผู้โดยสารของสายการบินต่างๆ ระบุว่าบัดนี้ถึงเวลาที่ยุโรปจะต้องใช้มาตรการเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถติดตามการเดินทางของผู้โดยสาร รวมถึงการเดินทางภายในกลุ่มอียู เป็นหนึ่งในมาตรการรักษาความมั่นคงร่วมกัน ขณะเดียวกัน ตำรวจในฝรั่งเศส จะได้รับอนุญาตให้พกอาวุธติดตัวในช่วงออกเวรแล้ว ตำรวจจะได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธปืนได้เมื่อเผชิญกับเหตุก่อการร้าย โดยตำรวจจะใส่สายข้อมือตำรวจเป็นสัญลักษณ์เพื่อป้องกันความสับสน
+++ส่วนที่ เบลเยียม แหล่งข่าวรัฐบาลและตำรวจเบลเยียม เปิดเผยว่า ตำรวจได้บุกตรวจค้นหลายจุดในกรุงบรัสเซลส์ในวันนี้ เพื่อติดตามผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีกรุงปารีส ฝรั่งเศส หนึ่งในพื้นที่ตรวจค้นรวมถึงย่านคนจนในเขตโมเลนบีค และเขตเจตเต ที่อยู่ใกล้กัน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้รายละเอียดว่ามีการจับกุมผู้ต้องสงสัยหรือไม่
+++นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ขอให้นักลงทุนพิจารณาข่าวสารปัญหาความขัดแย้งระหว่างฝรั่งเศสกับกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสที่เกิดเหตุโจมตีทางอากาศและปะทะกันอย่างรอบคอบ เพราะขณะนี้ข้อมูล ข่าวสารสื่อสารกันได้ง่ายและเป็นไปอย่างรวดเร็ว มั่นใจว่า นักลงทุนไทยมีวิจารณญาณและพิจารณาข้อมูลข่าวสารด้วยเหตุผลเพียงพอ หากนักลงทุนยังไม่มั่นใจ ก็ขอให้พิจารณาทางเลือกการลงทุนโดยผ่านผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ ส่วนการเตรียมการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหากเกิดความรุนแรงในสถานการณ์โลก ตลท.ได้เตรียมการเหมือนกับตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งมีเครื่องมือในการดูแลระบบการซื้อขายอยู่แล้ว
+++เอพี รายงานบรรยากาศช่วงประชุมเอเปก ที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ ว่า ผู้นำอีก 9 คน รวมถึงประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯจะเดินทางออกจากกรุงมะนิลา เช้าวันพรุ่งนี้ ระหว่างเวลา 09.00น.-12.30 น. เครื่องบินจำนวนหลายร้อยเที่ยวบินถูกยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางระหว่างการจัดประชุมผู้นำเอเปก หลังการประชุมเสร็จสิ้น ผู้นำบางคนอาจจะกลับประเทศ ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งรวมถึงรวมถึงผู้นำสหรัฐฯจะเดินทางต่อไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เพื่อร่วมประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
+++แถลงการณ์ร่วม ผู้นำเอเปก ประณามการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ย้ำความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเพิ่มความร่วมมือระดับนานาชาติและเป็นหนึ่งเดียวในการปราบปรามการก่อการร้าย ถือว่าแหวกแนวจากแถลงการณ์ร่วมที่ผ่านมาๆซึ่งมักจะมุ่งเน้นประเด็นเศรษฐกิจและธุรกิจ
+++การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นหลังเกิดเหตุโจมตีกรุงปารีส เบรุตและเครื่องบินโดยสารของรัสเซียในบริเวณคาบสมุทรไซนายของอียิปต์ ส่วนบรรยากาศทั่วไปในกรุงมะนิลาในวันนี้ ตำรวจได้ใช้ลวดหนาม ตู้สินค้าและรถดับเพลิงปิดถนนไม่ให้กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านโลกาภิวัฒน์ราว 1,000 คนเดินขบวนเข้าไปใกล้สถานที่ประชุม ถือป้ายมีข้อความว่า การประชุมเอเปกเน่าๆ,รัฐบาลฟิลิปปินส์ หุ่นเชิดของรัฐบาลสหรัฐฯ แกนนำผู้ประท้วงระบุว่าการประชุมเอเปกเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจเฉพาะแก่ประเทศที่ร่ำรวยแล้ว ส่วนประเทศยากจนเช่นฟิลิปปินส์ไม่มีอะไรดีขึ้น ตำรวจใช้สายฉีดน้ำแรงดันสูงสลายการชุมนุม โดยภาพรวม เจ้าหน้าที่ความมั่นคงฟิลิปปินส์สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
+++การประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และการประชุมที่เกี่ยวข้องครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 21-22 พฤศจิกายน ที่ประเทศมาเลเซีย หลังเกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสของฝรั่งเศส การประชุมดังกล่าวนอกจากมีผู้นำของ 10 ชาติสมาชิกแล้ว ยังมีผู้นำจากชาติมหาอำนาจอย่างประธานาธิบดีโอบามาของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ร่วมประชุมด้วย โดยจะทยอยเดินทางถึงในวันศุกร์ ทางการกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย ปิดถนนบางสายเพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัย
+++นายโอ ไอ่ซุน นักวิเคราะห์การเมืองและอดีตเลขานุการฝ่ายการเมืองของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย คาดว่า ประเด็นความมั่นคงจะเป็นเรื่องหลักของการประชุมหลังเกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงปารีส ที่ประชุมน่าจะมีความร่วมมือกันมากขึ้นเรื่องการปราบปรามก่อการร้าย หรืออย่างน้อยก็น่าจะแบ่งปันข่าวกรองภายในอาเซียนมากขึ้น เพราะคาดว่ามีชาวอินโดนีเซียไม่ต่ำกว่า 500 คน ชาวมาเลเซียไม่ต่ำกว่า 40 คน และชาวสิงคโปร์จำนวนหนึ่งเดินทางไปร่วมรบในซีเรียและอิรัก นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนถูกจับกุมเพราะพยายามจะเดินทางไปร่วมรบ
+++นอกจากนี้ ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ เป็นอีกประเด็นที่จะหารือกัน หลายประเทศในอาเซียนยังคงต้องการรักษาสมดุลระหว่างสหรัฐฯกับจีน รวมไปถึงญี่ปุ่นที่จะเข้ามามีบทบาทด้วย แน่นอนว่าสถานการณ์ทั้งหมดจะยิ่งซับซ้อน ดังนั้นภารกิจที่สำคัญที่สุดของอาเซียนคือ การสร้างหลักประกันว่าทะเลจีนใต้จะยังคงสงบสุข และพยายามดูแลไม่ให้สหรัฐฯและจีนเกิดการเผชิญหน้ากันอย่างเปิดเผย
+++พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจความพร้อมของราชรถพระนำ และราชรถอัญเชิญพระโกศพระศพ เพื่อใช้ในริ้วขบวน พระราชอิสริยยศงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ระหว่างวันที่ 15 - 17 ธ.ค. 2558 โดยจะมีพิธีบวงสรวงอัญเชิญราชรถส่งมอบให้สำนักพระราชวัง ในวันที่ 26 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.ที่สำนักช่างสิบหมู่ จากนั้นในวันที่ 29 พ.ย. จะมีพิธีซ้อมจัดริ้วขบวนตามเส้นทางจริง
+++ความคืบหน้าคดีหมิ่นสถาบันความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ อาร์ท เลขาคนสนิทของ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง 5 หมาย ใน 5 สำนวน ในความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง หลังการสอบสวนพบความเกี่ยวพันกับคดีในลักษณะทำซ้ำ พฤติกรรมของผู้กระทำความผิด และคาดว่าจะมีการออกหมายจับผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมได้เร็วๆ นี้ ขณะที่ การสืบสวนสอบสวน ขณะนี้ ยังไม่พบข้าราชการกระทำความผิดเพิ่มเติม แต่หากหลักฐานเชื่อมโยงถึงใคร ก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
+++การสอบสวนคดีทุจริตอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวนของกองทัพบก ยังไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกองทัพบก หน่วยข่าวกรอง และส่งชุดติดตามตัว พันเอกคชาชาติ บุญดี นายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ยืนยันไม่มีการรับมอบตัว พันเอกคชาชาติ
+++ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 เป็นประธาน ลงมติให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จำนวน 5 คน ประกอบด้วย นายวิทยา อาคมพิทักษ์ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร และพล.อ.บุญยวัจน์ เครือหงส์ ทั้งนี้เป็นการลงคะแนนลับ และผู้ที่ได้รับเลือกจะต้องมีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อฯ ที่มีพล.อ.อู้ด เบื้องบน เป็นประธาน ได้รายงานผลการตรวจสอบทั้งในส่วนที่เปิดเผย และประชุมลับในส่วนที่เป็นข้อมูลลับต่อที่ประชุมรับทราบข้อมูลก่อนการลงคะแนน และเมื่อลงคะแนนลับเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประธานสนช.จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
+++นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมและการใช้ของผู้บริโภคในช่วงวันลอยกระทงปีนี้ ว่าเทศกาลลอยกระทงปีนี้ สถานการณ์ปรับตัวดีที่สุดในรอบ 3 ปี คาดว่าจะมีการใช้จ่ายรวม 11,413 ล้านบาท โตร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ประชาชนร้อยละ 87.5 ระบุว่า จะออกไปลอยกระทง ส่วนใหญ่ร้อยละ 60.8 เชื่อว่า บรรยากาศจะสนุกสนานเหมือนเดิม จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้รู้สึกว่า เศรษฐกิจเริ่มจะดีขึ้น แต่ยังไม่ดีขึ้นมากนักและเห็นว่า ของแพงและระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่ โดยใช้เงินเดือนเป็นส่วนใหญ่ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ประมาณการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ จะโต ร้อยละ 2.8-3.1 และหากรัฐบาลสามารถอัดฉีดในช่วงที่เหลือปีนี้อีก 50,000 ล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 4 โตได้ร้อยละ 3.5-4
+++ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,384.97 จุด เพิ่มขึ้น 8.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,164.95ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 210.63 จุด ปิดที่ 19,859.81 จุด ฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 311.96 จุด ปิดที่ 22500.22 จุด
CR:CNN