สรุปข่าว 19.35น.
+++ซีเอ็นเอ็น รายงาน ความคืบหน้า เหตุก่อการร้ายในกรุงปารีส ฝรั่งเศสเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว มีคนเสียชีวิต 129 ศพ มีคนบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ก่อให้เกิดผลสะเทือนไปทั่วโลก คณะผู้สอบสวนเริ่มจะปะติดปะต่อรายละเอียดต่างๆ ทราบลักษณะรูปพรรณคนร้ายบางคนแล้วในจำนวนคนร้าย 7 คนที่เสียชีวิตในช่วงก่อเหตุรุนแรง ขณะที่นายซาลาห์ อับเดสลาม พลเมืองฝรั่งเศสวัย 26 ปี ผู้ต้องหาสำคัญยังหลบหนีเข้าไปยังเบลเยียม ในตอนแรกตำรวจได้ควบคุมตัวเขาไว้ แต่ปล่อยตัวไปเนื่องจากไม่พบความเชื่อมโยงกับคดีในช่วงนั้น ตำรวจเชื่อว่าแกนนำระดับสูงคนหนึ่งของกลุ่มไอเอสคือ นายอับเดลฮามิด อาบาอูด เป็นผู้บงการในการโจมตีครั้งนี้ ฝรั่งเศสได้จับกุมผู้ต้องสงสัยไว้แล้ว 23 คน และยังได้ประสานตำรวจเบลเยียมให้ช่วยจับกุมผู้ต้องสงสัยเช่นกัน นอกจากนี้ฝรั่งเศสได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคง 115,000 คนดูแลความปลอดภัยตามสถานที่สำคัญๆทั่วประเทศ ด้านเบลเยียมได้ยกเลิกการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรระหว่างเบลเยียมกับสเปน ซึ่งเดิมจะจัดในกรุงบรัสเซลส์ในวันนี้ ยกระดับเฝ้าระวังด้านความมั่นคงขึ้นสู่ระดับ 3 (จากทั้งหมด 4 ระดับ) ส่วนคลิปวีดีโอกลุ่มไอเอสขู่โจมตีกรุงวอชิงตันนั้น หน่วยเอฟบีไอและกระทรวงความมั่นคงภายในของสหรัฐฯระบุว่า ไม่น่าจะมีภัยคุกคามความมั่นคงต่อสหรัฐฯอย่างแท้จริง
+++นายฌอง-อีฟส์ เลอ ดรียอง รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศสขอให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) สนับสนุนการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียและอิรัก และช่วยเหลือปฏิบัติการทางทหารในต่างประเทศ โดยยกมาตราในสนธิสัญญาอียูขึ้นมาอ้างในการนี้เป็นครั้งแรกนายเลอ ดรียองกล่าวในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอียูที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมว่า ฝรั่งเศสประเทศเดียวไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ขณะนี้ได้ จึงอยากขอให้สมาชิกอื่น ๆ ในอียูให้การสนับสนุนการต่อสู้กับกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก รวมทั้งเพิ่มการมีส่วนร่วมทางทหารในปฏิบัติการต่าง ๆ ที่ฝรั่งเศสส่งทหารไปประจำการ โดยได้ยกมาตรา 42-7 ในสนธิสัญญาอียูว่าด้วยการให้สมาชิกร่วมใจกันเมื่อสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี นับเป็นครั้งแรกที่สมาชิกอียูยกมาตราดังกล่าวขึ้นขอความช่วยเหลือทางทหารจากสมาชิกอื่น ๆ คล้ายกับที่สหรัฐยกมาตรา 5 ขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ขึ้นขอความช่วยเหลือจากสมาชิกในปฏิบัติการโค่นล้มกลุ่มตอลีบานในอัฟกานิสถานหลังเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544
++++สถาบันเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ (ไอพีอี) กลุ่มวิชาการระหว่างประเทศ เผยรายงานดัชนีก่อการร้ายโลก (จีทีไอ) ประจำปี 2558 โดยประเมินจากความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในปี 2557 จากการสำรวจใน 162 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับ 10 รองจาก อิรัก อัฟกานิสถาน ไนจีเรีย ปากีสถาน ซีเรีย อินเดีย เยเมน โซมาเลีย และลิเบีย ตัวเลขผู้เสียชีวิตของไทยอยู่ที่ 156 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 16 แต่ยังคงน้อยกว่าตัวเลขสูงสุด 255 ราย เมื่อปี 2552 โดยความสูญเสียส่วนใหญ่มาจากเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่การก่อเหตุในกรุงเทพฯ ในปี 2557 อยู่ที่ 58 ครั้ง เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าจากปีก่อนหน้าที่มีการก่อเหตุ 9 ครั้ง ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 80 มาอยู่ที่ 32,658 ราย กว่าครึ่งของจำนวนนี้เป็นฝีมือของกลุ่มโบโกฮารามในไนจีเรีย และกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรีย อัฟกานิสถาน อิรัก ไนจีเรีย ปากีสถาน และซีเรีย คือ 5 ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด มีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 78 ของทั้งหมด โดยสถานการณ์ในอิรักรุนแรงที่สุดมีผู้เสียชีวิต 9,929 ราย ขณะที่ไนจีเรียมีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุดถึงร้อยละ 300 มีผู้เสียชีวิต 7,512 ราย กลุ่มชาติตะวันตกนับว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบแล้ว
+++ภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง Made in France ของผู้กำกับ Nicolas Boukhrief ที่มีกำหนดเข้าฉายในวันพุธนี้ ต้องเลื่อนฉายอย่างไม่มีกำหนด หลังเกิดเหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่ที่กรุงปารีสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากเนื้อหาของหนังเป็นเรื่องราวของนักเขียนมุสลิมที่แทรกซึมเข้าไปอยู่ในคุกปารีส เพื่อสืบหาแผนก่อการร้ายครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส นอกจากเลื่อนฉายแล้ว ป้ายโปสเตอร์หนังที่มีรูปหอไอเฟลซึ่งติดอยู่ตามสถานีรถไฟต่างๆ ก็ถูกปลดออกไปตั้งแต่เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาด้วย
+++นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยผลกระทบต่อ เหตุการณ์ก่อการร้ายที่กรุงปารีส ฝรั่งเศสว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปผลกระทบ แต่เป็นสถานการณ์ที่ภาคธุรกิจกำลังติดตามอย่างระมัดระวัง สำหรับประเทศไทย มีสัดส่วนการส่งออกไปฝรั่งเศสค่อนข้างน้อย หากเทียบกับการส่งออกไปยังอาเซียน และ จีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลัก และ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าภาคธุรกิจของไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.8 เนื่องจากการส่งออกยังหดตัว ส่งผลให้ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อปีนี้เติบโตต่ำเพียงร้อยละ 6 แต่คาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มดีขึ้น จากการส่งออกที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว และการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตได้ดี
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดที่ระดับ 1,390.17 จุด เพิ่มขึ้น 1.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,886.19 ล้านบาท
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 253.43 จุด ปิดวันนี้ที่ 22,264.25 จุด หลังความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตีกรุงปารีสเริ่มบรรเทาเบาบางลง
+++ดัชนีนิเกอิปิดเพิ่ม 236.94 จุด ที่ 19,630.63 จุด
++++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยา พร้อมด้วยคณะ ออกเดินทางออกไปยังสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อเตรียมเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 23 ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2558 พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ มีวาระสำคัญ 4 เรื่อง คือ ส่งเสริมประเด็นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค บ่มเพาะการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในเศรษฐกิจภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก การลงทุนพัฒนามนุษย์ และสร้างชุมชนที่ยั่งยืนและแข็งแกร่ง นายกรัฐมนตรีจะหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีรัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประธานาธิบดีเม็กซิโก ประธานาธิบดีรัสเซีย และประธานาธิบดีโคลอมเบีย โดยหลายประเทศให้ความสนใจการดำเนินงานตามของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
+++ร่างรัฐธรรมนูญ นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกคณะกรรมาการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.กล่าวถึงการพิจารณาบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า ยังเป็นช่วงในการหารือกันอยู่ ยังไม่มีการตกลงอะไรกัน เท่าที่พูดถึงปัญหาการที่ต้องการ ส.ว.ที่อิสระ ปราศจากการครอบงำทางการเมือง ถึงแม้จะมีการระบุว่า ส.ว.ต้องเป็นอิสระ ไม่สังกัดพรรคการเมือง ไม่มีการครอบงำหรือมีอิทธิพลทางการเมือง แต่สิ่งที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ก็เห็นคำพูดที่ได้ยินกันอย่างสม่ำเสมอว่า ส.ว.เป็น "สภาผัวเมีย" ก็จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดแบบนั้นขึ้นมาอีก โดยในวันที่ 19 พ.ย.จะมีการสัมมนาเรื่อง "การรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มเฉพาะต่อร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีกลุ่มเข้ารับฟังความเห็น 7 กลุ่มเช่น กลุ่มปฏิรูปด้านการศึกษา กลุ่มการค้าเสรี กลุ่มคุ้มครองผู้บริโภค กลุ่มสื่อสารมวลชน กรธ.ยังได้คิดสโลแกนสำหรับการร่างรัฐธรรมนูญ คือ "ร่วมคิด ร่วมร่าง ร่วมสร้างรัฐธรรมนูญใหม่" เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย
++++พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. อนุมัติให้ พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2บก.ป. พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา รอง ผกก.2บก.ป.และ พ.ต.ท.จีรวัฏฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ สว.ส.ทล.2กก.1บก.ทล. ลาออกจากราชการตามที่ร้องขอ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13พ.ย. นายตำรวจทั้งสี่นาย เป็นนายตำรวจที่ พล.ต.ท.ฐิติราช มีคำสั่งเรียกมาช่วยราชการที่ ศปก.บช.ก.ตั้งแต่วันที่ 18ต.ค. สำหรับกรณีที่ชุดสืบสวนพบข้อมูลหลักฐานว่า มีนายตำรวจบางคนในกลุ่มได้ร่วมกระทำความผิดร่วมกับ พ.ต.ต.ปรากรม หลายคดี ไม่ว่าจะเป็นการนำรถที่ตรวจยึดเป็นของกลาง นำมาใช้ทั้งยังเบิกทรัพย์สินของทางราชการ และยังร่วมเรียกรับผลประโยชน์ 2 ใน 4นาย พบหลักฐานชัดเจนว่า มีการร่วมกันทำลายหลักฐาน ในคดีตามคำสั่ง พ.ต.ต.ปรากรม ทั้งนี้หากคณะสอบสวนของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รองผบ.ตร.พบการกระทำความผิดที่ชัดเจน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะต้องดำเนินการกันต่อไป แต่ทั้งนี้ยังไม่ปรากฏว่า นายตำรวจสองในสี่นาย กระทำความผิดเพราะว่ายังไม่มีการระบุในสำนวนสอบสวน
+++ประกาศงดใช้ "Drone" ทุกพื้นที่งาน "Bike For Dad" ฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน1ปี ปรับสูงสุด 40,000บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการประสานจากวิทยุการบินแห่งประเทศไทยให้ทราบถึงการประกาศการงดใช้ Drone ในวันและเวลาที่มีการจัดกิจกรรม Bike For Dad วันที่ 11 ธันวาคม 2558 ตั้งแต่เวลา 06.00 น.ถึง 24:00 น. ให้มีการงดใช้Drone ในบริเวณพื้นที่ที่ใช้ในการจัดกิจกรรม Bike For Dad ทุกจุดที่มีการจัดกิจกรรมรวมถึงตลอดเส้นทางที่ใช้ทั้งหมดตลอดระยะทาง 29 กิโลเมตร ภายในรัศมี 9 กิโลเมตรโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและตลอดระยะความสูง 3000 ฟุตจากพื้นดินเพื่อให้การจัดกิจกรรมBike For Dadเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งมีความผิดตามมาตรานี้ 24 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศพ.ศ. 2497 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
+++นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย อดีตผู้บริหารบริษัทสุขุมวิท ซิลเวอร์สตาร์ จำเลยคนสำคัญคดี รื้อบาร์เบียร์ซอยสุขุมวิท10ได้เดินทางเข้ารายงานตัวต่อศาลตามคำสั่ง เนื่องจากได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยนายชูวิทย์แถลงต่อศาลว่า เป็นความเข้าใจผิดและความผิดพลาดของตนเอง ที่ไม่ได้ตรวจสอบคำสั่งศาล ที่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวก่อน และขอรับรองว่า หากจำเลยจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จะต้องขออนุญาตศาลก่อน มิฉะนั้นจะถือว่า ผิดสัญญาประกัน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า วันนี้จำเลย พร้อมนายประกันมารายงานตัวต่อศาลทันทีที่เดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรทั้งพฤติการณ์ที่ผ่านมาจำเลย ก็เดินทางมาศาลตามนัด เชื่อว่า ไม่มีเจตนาผิดสัญญาประกันจึงว่ากล่าวตักเตือนและ กำหนดเงื่อนไขในคำสั่งขอปล่อยชั่วคราวเพิ่มเติมว่า ห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลก่อนและให้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ
+++นางจุรี จันทร์งาม ผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่านางสาวริ้วแพร โชติการ เภสัชกรสาวโรงพยาบาลควนเนียง จังหวัดสงขลา ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 3 เดือนและเป็นว่าที่ลูกสะใภ้เสียชีวิตพร้อมกับนายอาดิศร์ ประทีปทัศน์ พนักงานจ่ายยา เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2550 ได้เข้ามอบตัว พร้อม ยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์ ไม่ได้จ้างวานฆ่าแต่ถูกใส่ร้าย ส่วนเรื่องเงิน 2,000,000 บาท ที่จ้างให้แม่ผู้ตายล้มคดีก็ปฏิเสธ ส่วนเรื่องขั้นตอนและผู้ร่วมขบวนการจัดฉากที่ไปแจ้งต่อศาลว่าเสียชีวิต ไม่ขอตอบ ตำรวจจะส่งตัวผู้ต้องหาให้ศาลจังหวัดสงขลาเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป คดีนี้ นางจุรีถูกศาลจังหวัดสงขลาพิพากษาประหารชีวิตทั้งศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โดยวางหลักทรัพย์ 5,000,000 บาทขอประกันตัว และเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 บุตรสาวของนางจุรีและทนายความ ในคดีนี้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่านางจุรี ถึงแก่ความตายและจัดงานศพเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมยื่นใบมรณะบัตรเป็นหลักฐานขอคืนเงินประกัน
+++ในวันพรุ่งนี้ การประชุมสุดยอดผู้นำรุ่นใหม่จากทั่วโลก ระหว่างวันที่ 18-21 พฤศจิกายน โดยจะมีตัวแทนเยาวชนอายุระหว่าง 18-30 ปี จาก 196 ประเทศ เข้าร่วมกว่า 1,500 คน "One Young World Summit"หรือ การประชุมสุดยอดผู้นำรุ่นใหม่ จัดขึ้นมาแล้ว 5 ครั้ง โดยครั้งแรกจัดขึ้นในปี 2553 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นางเคท โรเบิร์ตสัน ผู้ร่วมก่อตั้ง One Young World บอกว่า ที่ตัดสินใจเลือกกรุงเทพฯเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ 6 เพราะกรุงเทพฯเป็นเมืองแห่งสีสันและมีศักยภาพของการเติบโต รวมทั้งมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ศาสนา และวัฒนธรรม แต่คนไทยยังสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข สงบ และสันติ หัวข้อที่จะอภิปรายในการประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วยประเด็นสำคัญ 6 ด้าน คือ ด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม ธุรกิจระดับโลก สิทธิมนุษยชน ภาวะผู้นำและสถานการณ์บ้านเมือง และสันติภาพกับความขัดแย้ง