หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ครม.เห็นชอบปรับโครงสร้างคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.โดยให้รองนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 คนทำหน้าที่แปลงนโยบายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ กำกับดูแลทั้ง 6 กลุ่มงาน ขณะเดียวกันการแก้ไขปัญหาในเรื่องต่างๆให้มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต เกษตร อุตสาหกรรม โดยให้รองนายกฯต้องมีการหารือกัน เพื่อถ่ายทอดลงไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมสั่งตั้งศูนย์อำนวยการอำเภอ โดยนายอำเภอต้องรับงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดนำไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอต้องรู้ทุกเรื่อง มีวิสัยทัศน์ นโยบายเชิงรุก ส่วนระดับผู้ว่าราชการจังหวัดจะให้คสช. มาช่วยโดยจะจัดกลุ่มตามแผนงาน อย่างไรก็ตามการจัดแผนระยะยาวของทุกกระทรวงเป็นไปไม่ได้ ตนจึงให้ตีกรอบระยะเวลาให้เสร็จภายในปี 2560 จากนั้นส่งต่อรัฐบาลต่อไป โดยเน้นให้ประชาชนเป็นตัวตั้งและสร้างความเข้มแข็งตีกรอบการทำงานให้มีความชัดเจนขึ้นว่า อะไรจะต้องทำให้จบสิ้นภายในปี 2560 บ้าง ซึ่งเป็นเรื่องของงบประมาณ แผนการดำเนินการทั้งหมด โดยได้วางแผนไว้ระยะยาว เช่นการสร้างที่อยู่อาศัย
โดยที่ประชุมครม.ได้เห็นชอบร่วมกันคือ ความต้องการที่อยู่อาศัย ที่มีเป็นล้านยูนิต ซึ่งทำไม่ไหว แต่เราต้องมีแผนระยะยาวไว้ จากนั้นมาดูว่าเราสามารถทำอะไรได้ในปี 2560 เช่น ริมคลองที่มีความแออัด หรือที่อยู่ของข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร เหล่านี้ต้องดูแลทุกภาคส่วน ซึ่งมีปัญหาหลายอย่างด้วยกันเพราะ บางอย่างรัฐต้องลงทุน ต้องช่วยหาทางสมดุลกันให้ได้ โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้ประชาชนเดือดร้อน
สำหรับปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยริมคลองลาดพร้าว ต้องไปหาที่อยู่สร้างอพาร์ทเมนต์ สร้างตึกให้เช่า-ซื้อ จะนำเอาทั้งมาทำเป็นกลุ่มงาน และได้ทำแผนไว้แล้ว ว่ามีตรงไหนบ้าง หน่วยทหารหรือหน่วยข้าราชการ พลเรือนจะพักที่ไหน มีแผนหมดแล้วแต่ยังทำไม่ทัน ฉะนั้นเราจะเริ่มเป็นจุดๆเหมือนกับสตาร์ทอัพ ทำอยู่ในแผนและส่งปฏิรูปไปดำเนินการ เพราะต้องใช้งบประมาณสูง
นายกรัฐมนตรี ยังแนะนำให้ส่งเสริมการผลิตสินค้าอุปโภค บริโภค ให้หลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น และจะต้องมีการรวมกลุ่มแต่ละจังหวัด ซึ่งแต่ละกลุ่มจะต้องมีความเชื่อมโยงกัน เพื่อให้ผลิตสินค้าไม่ซ้ำกัน จะต้องไม่รอผลผลิตทางการเกษตรเพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สิน ส่วนการผลิตสินค้าภาคการเกษตร จะต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการผลิต จะทำแบบดั้งเดิมไม่ได้ ปัญหาที่พบขณะนี้ คือ ปัญหาเรื่องเมล็ดพันธุ์ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ปุ๋ยมีราคาแพง ซึ่งตนได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ไปประเมินค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหามา
ส่วนการตั้งกองทุนรวม พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า การตั้งกองทุนจะต้องมีความเชื่อมโยงกัน สามารถแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของภาครัฐได้ และต้องให้ประชาชนสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุน โดยจะต้องเน้นย้ำเรื่องความโปร่งใส ถูกกฎหมาย ทั้งนี้ในเรื่องดังกล่าวจะต้องรอความชัดเจนอีกสักพัก