นายสตีเฟน ดูจาร์ริก โฆษกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกแถลงการณ์ที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็นในนครนิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ โต้ตอบต่อข้อเรียกร้อง ให้มีการส่งกลับผู้อพยพชาวซีเรีย เพื่อป้องกันกลุ่มหัวรุนแรงที่แฝงตัวเข้าไป โดยระบุว่า การมุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้อพยพซึ่งหนีตายจากความรุนแรงในประเทศของตน ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญทุกวันคือภัยคุกคามจากกลุ่มไอเอส ไม่ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงปารีสของฝรั่งเศสเมื่อวันศุกร์ ปฏิกิริยาที่ควรมีต่อคนเหล่านี้ควรเป็นความ "เห็นใจ" และ "เข้าอกเข้าใจ"
ด้านนายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น กล่าวย้ำว่า การปิดพรมแดนไม่ใช่คำตอบในการแก้ปัญหาวิกฤตผู้อพยพในยุโรป และเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ให้การช่วยเหลือผู้อพยพเพิ่มขึ้น โดยหลังการสืบสวนพบว่าหนึ่งในมือระเบิดถือหนังสือเดินทางซีเรียและลักลอบเข้ายุโรปโดยแฝงตัวไปกับกลุ่มผู้อพยพ ได้เกิดแรงต้านจากหลายกลุ่ม ทั้งในแคนาดา สหรัฐ และกลุ่มประเทศยุโรป
รายงานจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ร้อยละ 52 ของกลุ่มผู้อพยพที่เดินทางเข้ายุโรป มาจากซีเรีย ส่วนร้อยละ 19 จากอัฟกานิสถาน และร้อยละ 9 จากอิรัก โดยอังกฤษ เยอรมนี นอร์เวย์ และคูเวต ออกแถลงการณ์ร่วมเตรียมจัดการประชุมที่กรุงลอนดอนในเดือน ก.พ. ปีหน้า เพื่อยกระดับการระดมทุนช่วยเหลือวิกฤตด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย โดยในปีนี้ยูเอ็นได้รับเงินช่วยเหลือสำหรับซีเรีย 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 122,087 ล้านบาท) จากที่ร้องขอไว้ 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 301,627 ล้านบาท)
ด้าน มารี เลอ แปง หัวหน้าพรรคแนวร่วมแห่งชาติของฝรั่งเศส (เอฟเอ็น) เรียกร้องให้ยุติการรับผู้อพยพในทันที ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหว เพจิดา ในเยอรมนี ประณามนโยบายผู้อพยพของยุโรปว่าเป็นความล้มเหลว