*ปธ.กรธ.ย้ำที่มานายกฯไม่เปิดช่องทางคนนอก หวังแก้ทุจริตลต.*

การร่างรัฐธรรมนูญ  นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นประธานการประชุม พร้อมยืนยันถึงแนวคิดที่มานายกรัฐมนตรี ที่ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อพรรคละ 5 รายชื่อ ว่า ไม่ได้เป็นเปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก แต่ต้องการให้ประชาชนได้รับทราบรายชื่อผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนจะมีการเลือกตั้ง เพื่อแก้ไขข้อกังขาการเลือกตั้งในอดีต ที่ สส. อาจชนะการเลือกตั้งด้วยอามิสสินจ้าง ประชาชนยังไม่รับรู้แนวคิดของพรรคการเมืองเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อมีข้อกังขาก็จะทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ เกิดปัญหาการต่อต้านจนวุ่นวาย  แนวคิดที่มานายกรัฐมนตรีไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง โดยใช้คะแนนความนิยมของพรรค พร้อมฝากถึงพรรคการเมือง ขอให้พิจารณาด้วยความรอบคอบ และหากมีความคิดเห็นสามารถเสนอมาให้ กรธ. พิจารณาได้ อย่าคัดค้านเพียงอย่างเดียว

นายมีชัยย้ำว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และรัฐบาล ไม่มีการพูดชี้นำ กรธ. ในการร่างรัฐธรรมนูญ แต่ยอมรับว่าวันนี้มีหนังสือจาก คสช. ระบุให้การร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ป้องกันและปราบปรามการทุจริตการเลือกตั้ง ผลักดันการปฏิรูปประเทศ และขอให้รัฐธรรมนูญมีเนื้อหาที่กระชับ อย่างไรก็ตามหากยังความขัดข้องใจ กรธ.ก็พร้อม ที่จะสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเพื่อตัดสินใจในแนวคิดดังกล่าว

โดยที่มานายกรัฐมนตรี จะเป็นกลไกแก้ไขปัญหานี้ได้ และนายกรัฐมนตรีจะผ่านการคัดเลือกจาก 3 ด่าน คือจากการคัดเลือกจากพรรคการเมือง จากการเลือกตั้งของประชาชน และสุดท้ายคือการคัดเลือกจากรัฐสภา การจะมีนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือไม่ เป็นเรื่องที่พรรคการเมืองกำหนด และการที่ กรธ. ไม่กำหนดเงื่อนไขว่ารายชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่นั้น เพราะจะเป็นการลิดรอนสิทธิของพรรคการเมือง จึงเปิดช่องให้พรรคเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ในการเสนอรายชื่อด้วยตนเอง ซึ่งบางพรรคอาจกำหนดในข้อบังคับพรรคว่าจะต้องเป็น สส. หรือสมาชิกพรรคเท่านั้น ส่วนคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีนั้น จะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า สส. หรือรัฐมนตรีที่มีความเข้มข้นขึ้น และได้รับการตรวจสอบเช่นเดียวกับผู้ลงสมัคร สส.

นายมีชัย กล่าวว่า พรรคเล็กก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เมื่อมี สส. ในสภาไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของสส.ทั้งหมด และพรรคการเมืองใหญ่ ก็มีโอกาสไม่ได้รับ สส. บัญชีรายชื่อ หากได้คะแนนความนิยมเกินร้อยละ 51หรือ มี สส.เขต เกิน 250 ที่นั่ง จากจำนวนสส.ในสภาทั้งหมด เพราะถือว่าได้รับคะแนนความนิยมอยู่ไปแล้ว ดังนั้น การที่พรรคการเมืองจะกำหนดให้บัญชีรายชื่ออันดับ 1 เป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้    

แฟ้มภาพ