*รัฐบาลชี้แจงขั้นตอนเรียกค่าเสียหายจำนำข้าว ยืนยันไม่มีอคติ ทำเพื่อส่วนรวม*

16 พฤศจิกายน 2558, 13:59น.


หลังผู้ถูกฟ้องร้องในคดีที่เกี่ยวข้องกับจำนำข้าว ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ในหลายรูปแบบ ในวันนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลง ชี้ วิธีการดำเนินการของรัฐต่อการฟ้องผู้เกี่ยวข้องในคดีโครงการรับจำนำข้าว  โดยยอมรับว่า รัฐบาลพยายามชี้แจงเรื่องดังกล่าวกับสื่อมวลชนในหลักการสร้างความรับรู้ และเข้าใจกับประชาชนให้ทราบว่ารัฐบาลทำอะไรเพื่ออะไร โดยไม่ได้มีเจตนาปักปรำและใส่ร้ายผู้ถูกกล่าวหา ขณะที่การวิพากษ์วิจารณ์ และการเรียกร้องของผู้ถูกกล่าวหาและพวกถือว่าเป็นการใช้สิทธิตามปกติเพราะยังไม่มีความผิด  แต่การชี้แจงในวันนี้ ต้องทำ เพราะ เกรงว่าอาจจะเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ยืนยันว่า รัฐไม่มีคู่กรณี ไม่มีอคติ หรือมีส่วนได้ส่วนเสียแต่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมและเป็นขั้นตอนตามปกติ เพราะหากสิ่งใดเป็นการเข้าใจผิดรัฐต้องชี้แจงเพราะรัฐอาจถูกมองว่าไม่ยึดในหลักนิติธรรม



สำหรับขั้นตอน การเรียกค่าเสียหายในคดีโครงการรับจำนำข้าว ในหลักการเมื่อพบว่ามีการกระทำผิด ต่อหน่วยงายของรัฐ โดยเจตนาและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จนทำให้หน่วยงานของรัฐหน่วยงายราชการ และประชาชนได้รับความเสียหาย จะถือว่าเป็นการละเมิดต่อรัฐ และจะต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้กับหน่วยงานของรัฐ ซึ่งรัฐสามารถเรียกค่าเสียหายในคดีละเมิดต่อรัฐได้ 2 วิธี คือ วิธีแรก การฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งเป็นวิธีตามปกติ



ส่วนวิธีที่สองหากผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ  รัฐก็สามารถฟ้องได้ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และพ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ซึ่งเป็นวิธีตามปกติ ไม่ใช่กฎหมายใหม่ ที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ออกเพื่อกลั่นแกล้ง หรือเล่นงานใคร และมีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐมาแล้วตลอดกว่า 19ปี หรือกว่า 5,000คดี



ดังนั้น หากผู้ถูกกล่าวไม่พอใจ ก็สามารถอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองได้ภายใน 15 วัน อีกทั้งยังสามารถฟ้องศาลปกครองชั้นต้นได้ ถึงศาลปกครองสูงสุด  โดยผู้กล่าวหาจะกลับมาเป็นโจทก์และรัฐจะเป็นจำเลย และยังสามารถฟ้องศาลปกครองสูงสุดให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองได้ แต่วิธีดังกล่าวกว่าจะจบสิ้นอาจใช้ระยะเวลา 5-10ปีก็



โดยเหตุผลที่ รัฐบาลเลือกใช้วิธีที่ 2 คือ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ในการดำเนินเรียกค่าเสียหายในคดีนี้ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเพราะขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของสำนักนายกรัฐมนตรี วิธีนี้ เป็นผลดีกับรัฐมากกว่า และผู้กล่าวมีโอกาสเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในการต่อสู่คดีอุทธรณ์ และใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาทุกขั้นตอน เพราะรัฐต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา และรัฐบาลไม่สามารถระบุว่า ผิดหรือไม่เพราะ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลความผิด  ส่วนจะผิดหรือไม่ ต้องเป็นไปตาม กระบวนการยุติธรรม อีกทั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาในการสืบพยานด้วย

ข่าวทั้งหมด

X