ข่าวเที่ยง: ฝรั่งเศสทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัย/ นายกฯเผยความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวยังไม่นิ่ง*

นายฌอง-อีฟส์ เลอ ดริออง รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ฝรั่งเศสต้องทบทวนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง หลังจากที่เกิดการก่อการร้ายทั้งการกราดยิงและจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายที่กรุงปารีสเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากกลุ่มก่อการร้ายวางระดับของการสร้างความเสียหายที่รุนแรงกว่าเดิม ดังนั้นการเตรียมการป้องกันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายที่ฝรั่งเศสจะต้องปรับปรุงให้เหมาะสม ทั้งเห็นว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีสำนักพิมพ์ชาร์ลี เอบโด เมื่อเดือนมกราคมนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า ฝรั่งเศสต้องทบทวนยถุทธศาสตร์การใช้กำลังทหารในประเทศ โดยมีการเพิ่มกำลังทหาร 10,000 นายทั่วเมืองหลวงนับจากนั้น และหลังจากที่เกิดเหตุเมื่อคืนวันศุกร์ ประธานาธิบดีฟร็องซัวส์ ออลล็องส์ แห่งฝรั่งเศสประกาศภาวะฉุกเฉิน และให้เพิ่มกำลังทหารอีก 1,500 นายในกรุงปารีส เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้น

ขณะที่ผลการตรวจสอบประวัติกลุ่มผู้ที่ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 7 คนเมื่อวันศุกร์ พบว่า นายอิสมาอิล โอมาร์ มุสตาฟา ซึ่งมีสัญชาติฝรั่งเศส เป็นผู้ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสจริง

ส่วนการตรวจสอบพาสปอร์ตซีเรียกับอียิปต์ที่ตกอยู่ใกล้กับศพผู้เสียชีวิต 2 ศพที่สนามกีฬาสต๊าดเดอฟร็องซ์ ทางการกรีซ ยืนยันผลการตรวจสอบว่า ผู้ที่ถือพาสปอร์ตซีเรียเดินทางผ่านเกาะเรลอสของกรีซเมื่อเดือนตุลาคม

ข่าวในประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าตัวเลขความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ว่า การอ้างถึงเหตุผลและความจำเป็นของโครงการที่ระบุว่าต้องขาดทุนเพราะเป็นมาตรการของรัฐนั้น ขอถามว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และประชาชนได้รับประโยชน์เท่าไหร่ แต่ที่ยังไม่อยากพูดถึงเวลานี้ เพราะยังไม่ได้ข้อยุติ เดี๋ยวจะหาว่าปกปิดซ่อนเร้นอีก ต้องรอให้คณะกรรมการชี้แจง นอกจากนี้ควรวิเคราะห์ว่า โครงการนี้ทำให้กลไกข้าวและการผลิตเสียหายเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ส่วนการใช้มาตรา 44 ก็เพื่อที่จะระบายข้าวให้ได้ เพราะหากระบายไม่ได้ราคาก็ว่าอีก ทำให้เจ้าหน้าที่เขาเดือดร้อนอีก โดยในวันนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีและทีมโฆษกจะแถลงชี้แจงอีกครั้ง 

...

ภาพ thaigov.