*มูลนิธิเมาไม่ขับ เน้นเข้มกม.สร้างจิตสำนึก ลดเมาแล้วขับ ไทยอันดับ1ในอาเซียน*
704
https://www.js100.com/en/site/news/view/19107
COPY
15 พฤศจิกายน 2558, 18:59น.
การจัดกิจกรรมจุดเทียนรำลึกถึงผู้จากไปในวันโลกรำลึกถึงผู้จากไปจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสากล ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ของมูลนิธิเมาไม่ขับ มีเหยื่อเมาแล้วขับในกลุ่มประเทศอาเซียนร่วมกันจุดเทียนสร้างความตระหนักรณรงค์ลดอุบัติเหตุ
นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาเมาแล้วขับในประเทศไทยปัจจุบันก็ยังคงสูงอยู่ เพราะตอนนี้ไทยติดอันดับ 2ของโลกในเรื่องการเกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ และเป็นอันดับ 1ในประเทศแถบอาเซียน ดังนั้นการแก้ปัญหาเหล่านี้คิดว่าหลักๆมีอยู่ 2ประเด็น คือ เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. ใช้อำนาจในตอนนี้ เพื่อแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับสาเหตุมาจากการเมาแล้วขับให้เข้มงวดขึ้น รวมถึงกำหนดให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ขณะที่องค์กรหน่วยงานต่างๆควรดูแลเข้มงวดพนักงานในองค์กรไม่ให้ไปเป็นต้นเหตุ ให้ผู้อื่นเดือนร้อนจากการเมาแล้วขับ ขณะที่ทางแก้ปัญหาดังกล่าวอีกวิธี คือ ต้องปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนใสใจ มีสติ และดำเนินพฤติกรรมเพื่อไม่ให้เข้าข่ายเสี่ยงที่จะส่งผลนำไปสู่ปัญหาการเมาแล้วขับได้
จากการพูดคุยกับนายโรนัล โก ชาวฟิลิปปินส์ เหยื่อจากการเมาแล้วขับ ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันอายุ 28ปี ซึ่งพิการมาแล้ว 9ปี ตั้งแต่ตอนอายุ 19ปี ขณะนั้นศึกษาอยู่ และทำงานร้านอาหารกลางคืนด้วย ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งเพื่อนชวนไปสังสรรค์ และเมื่องานเลี้ยงเลิกก็ขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านคนเดียว เมื่อมาถึงทางโค้ง รถได้ลื่นไถลตกลงไปในคลอง และไปกระแทกกับสะพานจนพิการมาถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามส่วนตัวมองว่า ขณะที่สถานการณ์ปัญหาเมาแล้วขับในประเทศฟิลิปปินส์ ตอนนี้ติดอันดับ 2 จากอุบัติเหตุทางถนน เนื่องจากคนส่วนใหญ่ชอบสังสรรค์ สนุกสนาน ชอบผ่อนคลาย จึงทำให้การเมาแล้วขับเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนของฟิลิปปินส์อันดับต้นๆ ซึ่งส่วนตัวมองว่าปัญหาเหล่านี้ถึงกฎหมายจะมีบทลงโทษที่เข้มงวดขึ้น แต่ว่าถ้าพฤติกรรมวินัย การปฎิบัติตามกฎจราจร เช่น เมาไม่ขับ หรือ สวมอุปกรณ์ป้องกันขณะขับขี่จักรยานยนต์ ยังไม่เข้มแข็งปัญหาการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้รถก็คงจะยังไม่สามารถหมดลงได้
ขณะที่ นายประศม สุขแสวง เหยื่อจากเมาแล้วขับ เล่าให้ฟังว่า ตัวเองพิการอย่างนี้มาแล้วกว่า 21ปีแล้ว เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านหลังจากไปสังสรรค์กับเพื่อน จนทำให้ไม่สามารถเดินได้มาจนถึงปัจจุบันนี้ สำหรับส่วนตัวมองว่าสถานการณ์อุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับปัจจุบันลดลงจากเมื่ออดีตเนื่องจากคิดว่าปัจจุบันกฎหมาย บทลงโทษผู้ที่เมาแล้วขับขี่นั้นแรงขึ้น ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะขับขี่รถขณะเมา แต่ถึงอย่างไรปัญหาเหล่านี้ก็ยังไม่หมดสิ้นไป เพราะยังมีบุคคลที่ยังคงประมาทและขาดสติ ไม่ใส่ใจถึงเรื่องดังกล่าว ดังนั้นส่วนตัวมองว่าวิธีแก้ไขปัญหานี้จริงๆแล้วอยู่ที่บุคคล เพราะถ้าบุคคลที่ดื่มแอลกฮอล์ มักจะไม่มีสติในการควบคุมตัวเอว จึงทำให้ลืมนึกคิดถึงความปลอดภัยจากการเมาแล้วขับ เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมานอกจากตัวเองที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงแล้ว คนในครอบครัว คนรอบๆข้าง และคนอื่นๆที่ไม่รู้จักก็ต้องเดือนร้อนไปด้วยกับการขาดสติของคนเพียงแต่คนๆเดียว ดังนั้นคิดว่า การไปสังสรรค์นั้นทำได้ แต่อย่าลืมใสใจถึงความปลอดภัย เช่น ควรดื่มแต่พอสมควร หรือถ้าคิดจะไปสังสรรค์ก็ไม่ควรขับขี่รถโดยเด็ดขาด หรือกลับรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งถ้าทำได้เช่นนี้ ปัญหาจากการเมาแล้วขับก็จะลดลงได้จริง
ผู้สื่อข่าว : วิรวินท์ ศรีโหมด
ข่าวทั้งหมด