การประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุมมีการหารือกันในเรื่องฝ่ายบริหารที่มานายกรัฐมนตรี โดยมีข้อสรุปเบื้องต้นที่เหมาะสมกับประเทศไทยคือระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยนายกรัฐมนตรีมาจากการไว้วางใจจากสภา โดยมี 3 ทางเลือกคือจาก 1.นายกรัฐมนตรีมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 2.นายกรัฐมนตรีมาจากบุคคลใดก็ได้ที่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ และทางเลือกที่ 3.นายกรัฐมนตรีมาจากผู้ที่มีรายชื่อที่พรรคการเมืองกำหนดให้เป็นายกรัฐมนตรี ซึ่งในที่ประชุมให้ความสนใจในทางเลือกที่ 3.คือให้พรรคการเมืองกำหนดรายชื่อบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างน้อยพรรคละ 1 คน ซึ่งทางเลือกดังกล่าวจะทำให้ประชาชนได้เห็นรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนจะทำการตัดสินใจลงคะแนนเสียง
นายมีชัย ระบุว่า แนวคิดดังกล่าวเป็นเรื่องน่าสนใจและเป็นข้อเสนอที่เป็นการออมชอม เพราะพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีการคัดเลือกบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ประชาชนได้ทราบล่วงหน้า ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ประชาธิปไตยก้าวหน้าไปอีกขั้น และไม่เปิดโอกาสให้พรรคเลือกใครต่อใครตามใจชอบโดยประชาชนไม่เคยเห็นมาก่อน จึงทำให้พรรคการเมือง จะได้รับการจับตาจากประชาชนที่เข้มงวดขึ้น และลดการหวาดระแวงในการนำใครก็ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่าเรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอกจะไม่ซ้ำรอยกับวิกฤติความขัดแย้งในปี 2535 แน่นอน และเป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรงเพราะจะมีปัญหายุ่งยากตามมา
ส่วนข้อสงสัย หากพรรคเมืองขนาดเล็กมีการเสนอชื่อซ้ำกับพรรคการเมืองใหญ่ จะถือว่าพรรคเล็กแอบอ้างในการหาเสียงหรือไม่ บุคคลที่มีรายชื่อต้องให้ความยินยอมก่อน ซึ่งในกรณีนี้อาจจะทำให้รู้ว่าพรรคการเมืองใดเป็นนอมินีของพรรคใหญ่
ทั้งนี้ ข้อดังกล่าว อาจมีจุดด้อยคือหากเกิดภาวะวิกฤตเลือกผู้นำจะเป็นนายกฯจะถูกจำกัดอยู่เพียงรายชื่อที่เสนอเท่านั้น และประชาชนที่มาใช้สิทธิ์ยังอาจไม่คุ้นชินและเข้าใจในวิธีการ ที่ประขุม กรธ. ยังไม่ได้ข้อสรุปและจะต้องพิจารณาในรายละเอียดที่ชัดเจนต่อไป
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี